คาโอรุกตลาดผู้บริโภคสายรักษ์โลก จับมือ เอสซีจีซี และ ดาว มุ่งพัฒนาบรรจุภัณฑ์ สู่ผู้นำด้านความยั่งยืน

บริษัท คาโอ อินดัสเตรียล (ประเทศไทย) จำกัด (Kao) รุกตลาดผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจความยั่งยืน จับมือสองผู้เชี่ยวชาญด้านบรรจุภัณฑ์ระดับโลก ได้แก่ บริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGC และ กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย (Dow) ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MoU) การพัฒนาวัสดุบรรจุภัณฑ์รักษ์โลก เพิ่มทางเลือกแก่ผู้บริโภคเพื่อความยั่งยืน เน้นบรรจุภัณฑ์คุณภาพที่ปลดปล่อย คาร์บอนต่ำลงและรีไซเคิลได้ เตรียมนำมาใช้กับผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของคาโอในประเทศไทยในอนาคต

ในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2566  บริษัท คาโอ อินดัสเตรียล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่น ภายใต้สินค้าแบรนด์ดัง คู่ครัวเรือนคนไทยต่าง ๆ อาทิ แอทแทค บิโอเร ไฮเตอร์ มาจิคลีน ลอรีเอะ ฯลฯ ได้ปักหมุดพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจความยั่งยืน โดยเข้าร่วมพิธีลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับ เอสซีจีซี และ ดาว พร้อมเปิดโอกาสพัฒนานวัตกรรมร่วมกับ พันธมิตรตลอดห่วงโซ่คุณค่า (value chain) ณ อาคารทรู ดิจิทัล พาร์ค เวสต์ สำนักงานใหญ่กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย โดยมีนายยูจิ ชิมิซึ ประธานกรรมการ บริษัท คาโอ อินดัสเตรียล (ประเทศไทย) จำกัด นายพิสันติ์ เอื้อวิทยา ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGC และ นายฉัตรชัย เลื่อนผลเจริญชัย ประธานบริหาร กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย ร่วมลงนามในครั้งนี้

นวัตกรรมพลาสติกรักษ์โลก จาก SCGC GREEN POLYMER

นายยูจิ ชิมิซึ ประธานกรรมการ บริษัท คาโอ อินดัสเตรียล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “คาโอ มีความยินดีอย่างยิ่ง ที่ได้ร่วมมือกับบริษัทชั้นนำทางด้านอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์อย่าง เอสซีจีซี และ ดาว ในการร่วมมือกันพัฒนานวัตกรรมสำหรับสร้างบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน ตามหลัก 4R: Reduce, Reuse, Recycle และ Replace สอดคล้องกับกลยุทธ์ทางด้าน ESG หรือ “Kirei Lifestyle Plan” (คิเรอิ ไลฟ์สไตล์ แพลน)

คาโอมีเป้าหมายที่จะบรรลุ Net Zero ในปี ค.ศ. 2040 เพื่อลดผลกระทบต่อภาวะโลกร้อน และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จากการดำเนินธุรกิจของคาโอ เราจึงใส่ใจในการจัดการพลังงานภายในโรงงานผลิต และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ตลอดวงจรอายุ เพื่อลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก ที่ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อน และตั้งเป้าหมายลดขยะที่เกิดจากบรรจุภัณฑ์พลาสติกสุทธิเป็นศูนย์ในปี ค.ศ. 2040 หมายความว่าปริมาณบรรจุภัณฑ์พลาสติก ที่เราจำหน่ายออกไปจะต้องเท่ากับปริมาณบรรจุภัณฑ์พลาสติก ที่นำกลับมารีไซเคิล นั่นจึงเป็นเหตุผลที่คาโอ ต้องมีพันธมิตรที่เข้มแข็ง เชี่ยวชาญ และมีเป้าหมายร่วมกัน อย่าง เอสซีจีซี และ ดาว เพื่อสร้างสรรค์บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตามแนวทางที่ยั่งยืน และเกิดประโยชน์ ต่อผู้บริโภคอย่างแท้จริง”

นายยูจิ ชิมิซึ ประธานกรรมการ บริษัท คาโอ อินดัสเตรียล (ประเทศไทย) จำกัด

นายพิสันติ์ เอื้อวิทยา ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGC กล่าวว่า “แนวทางเพื่อความยั่งยืนที่ SCGC ให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่อง คือ การดำเนินธุรกิจภายใต้หลักเศรษฐกิจหมุนเวียน โดยพัฒนากรีนโซลูชัน (Green Solutions) ที่หลากหลายเพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการของเจ้าของแบรนด์สินค้า และผู้บริโภคที่ใส่ใจต่อความยั่งยืน  สำหรับความร่วมมือกับคาโอในครั้งนี้  SCGC พร้อมนำความเชี่ยวชาญด้านการออกแบบและพัฒนาขวดและถุงบรรจุภัณฑ์ ด้วยนวัตกรรมพลาสติกรักษ์โลก จาก SCGC GREEN POLYMERTM  ซึ่งมี 4 โซลูชันหลัก ได้แก่ การลดใช้ทรัพยากร (Reduce) การออกแบบเพื่อให้รีไซเคิลได้ (Recyclable) การนำกลับมาใช้ใหม่ (Recycle) และการใช้ทรัพยากรหมุนเวียน (Renewable) เพื่อสร้างสรรค์บรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืนให้กับผลิตภัณฑ์ภายใต้คาโอ รวมทั้งส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนในประเทศไทยอย่างเป็นรูปธรรม”

นายพิสันติ์ เอื้อวิทยา ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน)

นายฉัตรชัย เลื่อนผลเจริญชัย ประธานบริหาร กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย กล่าวว่า “ดาวมุ่งมั่นในการสนับสนุนลูกค้าของเรา ในการลดการปลดปล่อยคาร์บอน และลดขยะพลาสติกตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน เราพร้อมสนับสนุนคาโอ ในการออกแบบและพัฒนาถุงบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน ด้วยความเชี่ยวชาญจากดาวทั้งในประเทศไทย และ ดาว แพค สตูดิโอ (Dow Pack Studio) สิงคโปร์ ผสานกับนวัตกรรมเม็ดพลาสติก ชนิดพิเศษของ ดาว เช่น INNATE, ELITE, DOWLEX และ Dow PCR  เพื่อให้ถุงบรรจุภัณฑ์ของคาโอ สามารถรีไซเคิลได้ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมยิ่งขึ้น และยังคงตอบโจทย์การใช้งานได้เป็นอย่างดี”

นายฉัตรชัย เลื่อนผลเจริญชัย ประธานบริหาร กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย

ข้อตกลงนี้จะนำไปสู่การออกแบบพัฒนาวัสดุใหม่ ๆ และการนำนวัตกรรมมาใช้เพื่อผลิตเป็นบรรจุภัณฑ์ ให้กับสินค้าต่างภายใต้คาโอ ให้มีคาร์บอนฟุตพริ้นท์ที่ต่ำลง และสามารถนำไปรีไซเคิลได้ ทั้งบรรจุภัณฑ์ชนิดขวด และชนิดถุง โดยยังคงคุณสมบัติของบรรจุภัณฑ์ที่ดี ในการปกป้องผลิตภัณฑ์ที่อยู่ภายใน และให้ความสะดวกกับผู้บริโภค ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญของคาโอ ในการเดินหน้าสู่เป้าหมาย ด้านความยั่งยืนของบริษัท ที่จะบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (carbon neutrality) ภายในปี 2593 สอดคล้องกับแนวทางของ เอสซีจีซี และ ดาว ที่มุ่งมั่นในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และนำนวัตกรรมมาใช้เพื่อสร้างทางเลือกที่ยั่งยืนยิ่งขึ้นให้กับผู้บริโภคชาวไทย


เกี่ยวกับ บริษัท คาโอ อินดัสเตรียล (ประเทศไทย) จำกัด

บริษัท คาโอ อินดัสเตรียล (ประเทศไทย) จำกัด ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2507 มีต้นกำเนิดมาจาก คาโอ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น กว่า 59 ปีที่ คาโอ ประเทศไทย สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เพื่อเสริมสร้างคุณภาพชีวิต และเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน ของผู้บริโภคผ่านผลิตภัณฑ์กว่า 10 แบรนด์สินค้าชั้นนำ อาทิ แอทแทค มาจิคลีน ไฮเตอร์ ลอรีเอะ เมอร์รี่ส์ เมะกุริธึ่ม แฟซ่า ลิเซ่ บิโอเร และคิวเรล

นอกจากนี้ คาโอ ประเทศไทย ยังมีธุรกิจเคมีภัณฑ์ที่มีความเชื่อมโยง กับหลายกลุ่มอุตสาหกรรม ดำเนินธุรกิจโดยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ ที่มีนวัตกรรมใหม่ๆ คาโอ ประเทศไทย ไม่เพียงแต่ส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ แต่ยังสร้างผลิตภัณฑ์ที่สามารถเป็นประโยชน์ แก่ผู้คนและสังคมด้านสุขอนามัย และความงาม มุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจและขับเคลื่อนบริษัทไปสู่ความยั่งยืน ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สังคม การกำกับดูแลกิจการที่ดี และบริหารงานอย่างโปร่งใส (ESG) ภายใต้สโลแกน “Kirei—Making Life Beautiful” หรือ “สร้างสรรค์สิ่งดี เพื่อชีวิตที่สวยงาม”

เกี่ยวกับ SCGC

เอสซีจี เคมิคอลส์ หรือ เอสซีจีซี (SCGC) เป็นผู้นำด้านการผลิตเคมีภัณฑ์แบบครบวงจรในอาเซียน ทั้งในประเทศเวียดนาม อินโดนีเซีย และไทย ครอบคลุมตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ขั้นต้น (โอเลฟินส์) ไปจนถึงขั้นปลาย ได้แก่ เม็ดพลาสติกหลักทั้ง 3 ประเภท คือ พอลิเอทิลีน พอลิโพรพิลีน และพอลิไวนิลคลอไรด์

SCGC มุ่งสร้างสรรค์ “นวัตกรรมเคมีภัณฑ์เพื่อทุกความเป็นได้” (INNOVATION THAT’S REAL) เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียน และยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน ตามแนวทาง ESG และหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน SCGC เน้นพัฒนาสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่มสูง (HVA) เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลาย ครอบคลุมโครงสร้างพื้นฐาน บรรจุภัณฑ์สินค้าอุปโภคบริโภค ยานยนต์ การแพทย์และสุขภาพ และโซลูชันด้านพลังงาน ควบคู่กับการดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.scgchemicals.com

เกี่ยวกับ ‘กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย’

กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย (Dow Thailand Group) เริ่มดำเนินธุรกิจในประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2510 และได้ร่วมกับบริษัท เอสซีจี ก่อตั้งกลุ่มบริษัทร่วมทุนเอสซีจี-ดาว ในปี พ.ศ. 2530 (ในปี 2565 เอสซีจี เคมิคอลส์ ได้รีแบรนด์เป็น เอสซีจีซี) โดยในปัจจุบัน กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย ประกอบด้วยบริษัทซึ่ง Dow เป็นเจ้าของเพียงผู้เดียว และกลุ่มบริษัทร่วมทุนเอสซีจีซี-ดาว นอกจากนี้ ยังมีบริษัทร่วมทุนระหว่าง Dow และ โซลเวย์ ปัจจุบันประเทศไทยเป็นฐานการผลิตที่ใหญ่ที่สุดของ ดาว ในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก โดยมีโรงงานหลายแห่งตั้งอยู่ในจังหวัดระยอง ตลาดหลักของกลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทยได้แก่ อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ การก่อสร้าง และยานยนต์ สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย ได้ที่ https://www.dowfamilythailand.com/th/about_us.php หรือติดตามเฟซบุ๊ก www.facebook.com/DowThailandGroup/

Published on: Dec 1, 2023

(Visited 283 times, 1 visits today)
ดาวน์โหลดข่าว