พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน “ห้องตรวจหาเชื้อ (Modular Swab Unit)” ซึ่งเป็นหนึ่งใน “โครงการเครื่องช่วยหายใจและเครื่องมือแพทย์พระราชทาน” เพื่อรับสถานการณ์การระบาดของเชื้อโควิด-19 โดยได้พระราชทานพระราชทรัพย์ให้เอสซีจีดำเนินการก่อสร้างให้โรงพยาบาลต่าง ๆ 20 แห่งทั่วประเทศ ได้แก่ 1. รพ.ภูมิพลอดุลยเดช กรมแพทย์ทหารอากาศ 2. รพ.สมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา 3. สถาบันบำราศนราดูร 4. รพ.สมเด็จพระยุพราชสระแก้ว 5. สถาบันโรคทรวงอก 6. รพ.ตำรวจ 7. รพ.กลาง 8. รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ 9. รพ.นครปฐม 10. รพ.ราชบุรี 11. รพ.พุทธชินราช พิษณุโลก 12. รพ.พหลพลพยุหเสนา 13. รพ.อุตรดิตถ์ 14. รพ.สวรรค์ประชารักษ์ 15. รพ.นครพิงค์ 16. รพ.อุดรธานี 17. รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ 18. รพ.สุราษฎร์ธานี 19. รพ.สงขลานครินทร์ และ 20. รพ.หาดใหญ่ โดยเบื้องต้น ได้พระราชทานห้องตรวจหาเชื้อให้โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช กรมแพทย์ทหารอากาศ ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของกองทัพอากาศ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อโควิด-19 ให้บุคลากรทางการแพทย์ในขณะปฏิบัติหน้าที่ ด้วยการแยกพื้นที่ระหว่างทีมแพทย์และคนไข้ห่างออกจากกัน และใช้ระบบควบคุมแรงดันและคุณภาพอากาศที่เหมาะสม พร้อมกับมีระบบฆ่าเชื้อ ป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค โดยสามารถติดตั้งในพื้นที่จำกัดได้อย่างรวดเร็วภายใน 3 วัน เพื่อให้พร้อมบริการแก่บุคลากรทางการแพทย์และประชาชนได้ทันที ยังความปลื้มปีติแก่ทีมแพทย์ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ ตลอดจนประชาชนทุกหมู่เหล่า ต่างรู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น โดยมีพลอากาศเอก มานัต วงษ์วาทย์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ พลอากาศเอก ธรินทร์ ปุณศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารอากาศ พลอากาศโท เกรียงไกร โสธรชัย เจ้ากรมแพทย์ทหารอากาศ พร้อมด้วยพลอากาศตรี ทวีพงษ์ ปาจรีย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช กรมแพทย์ทหารอากาศ คณะผู้บริหารโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช กรมแพทย์ทหารอากาศ และนายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี ร่วมพิธีรับพระราชทานห้องตรวจหาเชื้อดังกล่าว
พลอากาศโท เกรียงไกร โสธรชัย เจ้ากรมแพทย์ทหารอากาศ กล่าวว่า “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงมีพระเมตตาต่อกองทัพอากาศ บุคลากรทางการแพทย์ทุกคนของโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช กรมแพทย์ทหารอากาศ อย่างหาที่สุดมิได้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน “ห้องตรวจหาเชื้อ (Modular Swab Unit)” ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการเครื่องช่วยหายใจและเครื่องมือแพทย์พระราชทาน เพื่อรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 โดยพระราชทานพระราชทรัพย์ให้เอสซีจีดำเนินการก่อสร้างให้แก่โรงพยาบาลต่าง ๆ รวม 20 แห่งทั่วประเทศ รวมถึงโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช กรมแพทย์ทหารอากาศ
กองทัพอากาศ บุคลากรทางการแพทย์ทุกคน ของโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช กรมแพทย์ทหารอากาศ และประชาชนทุกคน รู้สึกซาบซึ้งและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ และจะนำนวัตกรรมห้องตรวจหาเชื้อที่ได้รับพระราชทานในครั้งนี้ไปใช้ในการดูแลรักษาผู้ป่วยในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ให้ได้รับการดูแลรักษาอย่างดีที่สุดเต็มกำลังความสามารถ และเพื่อเป็นเครื่องมือป้องกันให้กับบุคลากรทางการแพทย์ที่ทำงานเป็นแนวหน้า อีกทั้งเป็นกำลังหลักในการรักษาผู้ป่วยให้มีขวัญ มีกำลังใจ และมีความปลอดภัยในการปฏิบัติงานต่อไป”
ด้าน พลอากาศตรี ทวีพงษ์ ปาจรีย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช กรมแพทย์ทหารอากาศ กล่าวว่า “โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช กรมแพทย์ทหารอากาศ เป็นโรงพยาบาลแห่งแรกที่ได้รับพระราชทานห้องตรวจหาเชื้อ (Modular Swab Unit) พวกเรารู้สึกปลื้มปีติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ อันเป็นการเพิ่มขวัญและกำลังใจต่อบุคลากรทางการแพทย์ และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนทั่วไปที่มาใช้บริการ การตรวจหาเชื้อจากผู้ป่วยเป็นจุดที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อของบุคลากรทางการแพทย์ ดังนั้น ถ้าเรามีห้องตรวจหาเชื้อ (Modular Swab Unit) จะช่วยลดอัตราเสี่ยงจากการติดเชื้อและให้ความปลอดภัยต่อบุคลากรทางการแพทย์ ผู้ปฏิบัติงานได้เป็นอย่างดี ทำให้การรักษาพยาบาลประชาชนชาวไทยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ”
ขณะที่ นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี และประธานกรรมการมูลนิธิเอสซีจี กล่าวว่า “เอสซีจี รู้สึกปลาบปลื้มเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ ให้มีส่วนร่วมในการผลิตนวัตกรรมห้องตรวจหาเชื้อ (Modular Swab Unit) เพื่อช่วยปกป้องแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ ขณะปฏิบัติหน้าที่ อันเป็นการตอบแทนความเสียสละและอุทิศตนของท่านทั้งหลายที่ได้ช่วยกันดูแลรักษาผู้ป่วย และยังช่วยปกป้องประชาชนจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสนี้ โดยห้องตรวจหาเชื้อดังกล่าว พัฒนาจากเทคโนโลยีของ SCG HEIM และ Living Solution ซึ่งได้ออกแบบให้มีระบบที่จะช่วยควบคุมแรงดันและการหมุนเวียนของอากาศให้สะอาด ปลอดภัย มีระบบการป้องกันอากาศรั่วไหล ที่ทำให้ห้องปิดสนิท ป้องกันอากาศเข้า-ออกตัวอาคาร ทำให้ภายในอาคารสามารถควบคุมแรงดันอากาศได้เป็นอย่างดี ช่วยเพิ่มความมั่นใจในความปลอดภัยแก่บุคลากรทางการแพทย์ขณะปฏิบัติหน้าที่ได้มากขึ้น สำหรับห้องตรวจหาเชื้อที่โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช กรมแพทย์ทหารอากาศ ได้ติดตั้งในบริเวณที่เชื่อมต่อกับจุดคัดกรองผู้ป่วยเดิมของโรงพยาบาล เพื่อให้ขั้นตอนการตรวจคัดกรองผู้ป่วยและการตรวจหาเชื้อดำเนินไปอย่างราบรื่น แม้ว่าพื้นที่ติดตั้งจะมีข้อจำกัด เนื่องจากเป็นพื้นที่แคบ แต่ด้วยความร่วมมืออย่างดียิ่งของทางโรงพยาบาล ประกอบกับประสบการณ์และความชำนาญของทีมติดตั้ง จึงทำให้การดำเนินการต่าง ๆ สำเร็จลงภายในเวลาเพียง 3 วัน พร้อมที่จะให้บริการแก่บุคลากรทางการแพทย์และประชาชนได้ในทันที”
นวัตกรรมห้องตรวจหาเชื้อ (Modular Swab Unit) นี้ พัฒนาจากเทคโนโลยีของ SCG HEIM และ Living Solution ภายในห้องตรวจผู้ที่มีความเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 ได้ออกแบบให้มีระบบ Smart Indoor Air Quality (IAQ Smart) ที่ช่วยควบคุมแรงดันและการหมุนเวียนของอากาศให้สะอาด ปลอดภัย และระบบการป้องกันอากาศรั่วไหล (Air Tightness) ที่ทำให้ห้องปิดสนิท ป้องกันอากาศเข้า-ออกตัวอาคาร ทำให้ในตัวอาคารสามารถควบคุมแรงดันอากาศได้เป็นอย่างดี โดยทีมแพทย์จะอยู่ในห้องความดันบวก ที่ไม่มีอากาศเสียจากภายนอกเข้าไป อากาศภายในจึงบริสุทธิ์ปลอดภัย ส่วนผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงติดเชื้อจะอยู่ในห้องความดันลบ และมีระบบดูดอากาศเสียออกไปกำจัดอย่างต่อเนื่อง จึงป้องกันไม่ให้มีอากาศฟุ้งกระจายออกไปภายนอก เพื่อสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยให้แก่ทีมแพทย์ ซึ่งการเก็บตัวอย่าง (Swab) จะทำผ่านแผ่นอะคริลิกที่เจาะเป็นช่อง โดยแพทย์สามารถสอดมือผ่านช่องที่มีถุงมือคลุมด้วยพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งเพื่อเก็บตัวอย่าง จึงลดความเสี่ยงในการปนเปื้อนจากผู้ที่เข้ารับการตรวจพร้อมใช้แสงยูวีเข้มข้นสูง ฆ่าเชื้อโรคต่าง ๆ (UV Germicide) หลังจากการใช้งานในห้องทุกครั้ง ทั้งนี้ โครงสร้างกว่าร้อยละ 80 ประกอบขึ้นรูปภายในโรงงานที่มีการควบคุมคุณภาพและความสะอาดตลอดกระบวนการผลิต และยังสามารถติดตั้งได้รวดเร็ว