พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน “ห้องตรวจหาเชื้อ (Modular Swab Unit)” ภายใต้ “โครงการเครื่องช่วยหายใจและเครื่องมือแพทย์พระราชทาน” ให้กับ “โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ” เป็นแห่งที่ 15 โดยได้พระราชทานพระราชทรัพย์ให้เอสซีจีดำเนินการก่อสร้างให้ 20 โรงพยาบาลทั่วประเทศ เพื่อเสริมความพร้อมหากมีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ซ้ำในอนาคต โดยโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ เป็นโรงพยาบาลในสังกัดของกองทัพเรือ มีขนาด 420 เตียง เปิดให้บริการแก่ข้าราชการทหารเรือ ครอบครัว และประชาชนทั่วไปใน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี และพื้นที่ใกล้เคียง เฉลี่ยวันละ 2,300 คน โดยแพทย์พยาบาลเฉพาะทางและทีมสหสาขาวิชาชีพที่มีความเชี่ยวชาญครบทุกสาขา
ตั้งแต่เกิดสถานการณ์แพร่ระบาดโรคไวรัสโควิด-19 ขึ้นจนถึงปัจจุบัน โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ ได้คัดกรองและตรวจรักษาผู้ป่วยจำนวน 140,000 คน โดยมีผู้ป่วยที่คลินิกโรคทางเดินหายใจ (ARI Clinic) เฉลี่ยวันละ 100-150 คน การได้รับพระราชทานห้องตรวจหาเชื้อ จึงช่วยลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อโควิด-19 ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ขณะปฏิบัติหน้าที่ รวมทั้งประชาชนที่มาตรวจรักษาได้เป็นอย่างดี เนื่องจากมีการแยกพื้นที่ระหว่างทีมแพทย์และคนไข้ออกจากกัน และใช้ระบบควบคุมแรงดันและคุณภาพอากาศที่เหมาะสม พร้อมมีระบบฆ่าเชื้อ ป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค ทั้งยังช่วยให้การเก็บตัวอย่างเชื้อส่งตรวจมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยใช้เวลาในการติดตั้งเพียง 2 วัน เพื่อให้เชื่อมต่อกับจุดคัดกรองผู้ป่วยเดิมของโรงพยาบาล พร้อมให้บริการแก่บุคลากรทางการแพทย์และประชาชนได้ในทันที ยังความปลื้มปีติแก่บุคลากรทางการแพทย์ ตลอดจนประชาชนทุกหมู่เหล่า ต่างรู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น
ห้องตรวจหาเชื้อนี้ สามารถต่อยอดสู่การใช้งานในอนาคต เพื่อให้สอดรับกับการชีวิตแบบปกติใหม่ (New Normal) ด้วยการปรับเป็นห้องตรวจผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ รวมทั้งใช้สำหรับคัดแยกและตรวจหาเชื้อก่อนรักษาแก่ผู้ป่วยที่ประสบอุบัติเหตุ ผู้ป่วยที่ต้องรับการผ่าตัด และผู้ป่วยที่ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไปสู่แพทย์และทีมงานระหว่างรักษา
ทั้งนี้ พิธีรับพระราชทานห้องตรวจหาเชื้อดังกล่าวมี พลเรือเอก ลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือ พลเรือโท วิชัย มนัสศิริวิทยา เจ้ากรมแพทย์ทหารเรือ พลเรือตรี เกิดศักดิ์ วีระโยธิน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ และนายยุทธนา เจียมตระการ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่-การบริหารกลาง เอสซีจี ร่วมพิธีฯ ณ โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี
ติดตั้งห้องตรวจหาเชื้อ ในบริเวณที่เชื่อมต่อกับคลินิกโรคทางเดินหายใจเดิมของโรงพยาบาล ซึ่งจะช่วยทำให้การตรวจคัดกรองผู้ป่วยและการตรวจหาเชื้อดำเนินไปอย่างราบรื่น และเมื่อสถานการณ์แพร่ระบาดโรคไวรัสโควิด-19 คลี่คลายกลับสู่ภาวะปกติ โรงพยาบาลจะนำห้องตรวจหาเชื้อที่ได้รับพระราชทานมาปรับเป็นห้องตรวจผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ รวมทั้งใช้สำหรับคัดแยกและตรวจหาเชื้อก่อนรักษาแก่ผู้ป่วยที่ประสบอุบัติเหตุ ผู้ป่วยที่ต้องรับการผ่าตัด และผู้ป่วยที่ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไปสู่แพทย์และทีมงานระหว่างรักษา”
ขณะที่ นายยุทธนา เจียมตระการ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่-การบริหารกลาง เอสซีจี กล่าวว่า “เอสซีจี รู้สึกปลาบปลื้มเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ ให้มีส่วนร่วมในการผลิตนวัตกรรมห้องตรวจหาเชื้อ (Modular Swab Unit) เพื่อช่วยปกป้องบุคลากรทางการแพทย์ขณะปฏิบัติหน้าที่ และช่วยปกป้องประชาชนที่มารับการตรวจรักษา ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยห้องตรวจหาเชื้อนี้ พัฒนาจากเทคโนโลยีของ SCG HEIM และ Living Solution ซึ่งจุดเด่นคือ มีระบบควบคุมแรงดันและการหมุนเวียนของอากาศที่เหมาะสม ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้
บุคลากรทางการแพทย์ขณะปฏิบัติหน้าที่ และช่วยประหยัดการใช้ชุด PPE โดยในการติดตั้งห้องตรวจหาเชื้อได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากทางโรงพยาบาล ประกอบกับความชำนาญของทีมติดตั้ง จึงทำให้ติดตั้งเสร็จพร้อมใช้งานภายใน 2 วัน พร้อมที่จะให้บริการแก่บุคลากรทางการแพทย์และประชาชนได้ในทันที เอสซีจี หวังว่านวัตกรรมนี้จะช่วยเสริมความมั่นใจให้บุคลากรทางการแพทย์ ประชาชนปลอดภัยจากการติดเชื้อ และมีกำลังใจร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การท่องเที่ยวชายฝั่งตะวันออกให้ฟื้นตัวได้ในเร็ววัน”
สำหรับ นวัตกรรมห้องตรวจหาเชื้อ (Modular Swab Unit) นี้ พัฒนาจากเทคโนโลยีของ SCG HEIM และ Living Solution มีคุณสมบัติที่ตอบโจทย์การใช้งาน ดังนี้
- ภายในห้องตรวจมีระบบ Smart Indoor Air Quality (IAQ Smart) ที่ช่วยควบคุมแรงดันและการหมุนเวียนของอากาศให้สะอาด ปลอดภัย และมีระบบการป้องกันอากาศรั่วไหล (Air Tightness) ที่ทำให้ห้องปิดสนิท ป้องกันอากาศเข้า-ออกตัวอาคาร ทำให้ในตัวอาคารสามารถควบคุมแรงดันอากาศได้เป็นอย่างดี
- ทีมแพทย์จะอยู่ในห้องความดันบวก ที่ไม่มีอากาศเสียจากภายนอกเข้าไป อากาศภายในจึงบริสุทธิ์ปลอดภัย ส่วนผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงติดเชื้อจะอยู่ในห้องความดันลบ และมีระบบดูดอากาศเสียออกไปกำจัดอย่างต่อเนื่อง จึงช่วยป้องกันไม่ให้มีอากาศฟุ้งกระจายออกไปภายนอก
- การเก็บตัวอย่าง (Swab) จะทำผ่านแผ่นอะคริลิกที่เจาะเป็นช่อง โดยแพทย์สามารถสอดมือผ่านช่องที่มีถุงมือคลุมด้วยพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งเพื่อเก็บตัวอย่าง ช่วยลดความเสี่ยงในการปนเปื้อนจากผู้เข้ารับการตรวจ
- ใช้แสงยูวีเข้มข้นสูง ฆ่าเชื้อโรคต่าง ๆ (UV Germicide) หลังการใช้งานทุกครั้ง
- โครงสร้างกว่าร้อยละ 80 ประกอบขึ้นรูปภายในโรงงานที่มีการควบคุมคุณภาพและความสะอาดตลอดกระบวนการผลิต จึงสามารถติดตั้งที่โรงพยาบาลได้อย่างรวดเร็ว ทันต่อความต้องการใช้งาน
ทั้งนี้ โรงพยาบาล 20 แห่งทั่วประเทศ ที่ได้รับพระราชทานนวัตกรรม “ห้องตรวจหาเชื้อ” พัฒนาโดย “เอสซีจี” ได้แก่ 1. รพ.ภูมิพลอดุลยเดช กรมแพทย์ทหารอากาศ 2. รพ.สมเด็จพระยุพราชสระแก้ว 3. รพ.กลาง 4. สถาบันโรคทรวงอก 5. สถาบันบำราศนราดูร 6. รพ.พุทธชินราช พิษณุโลก 7. รพ.ตำรวจ 8. รพ.ราชบุรี 9. รพ.สมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา 10. รพ.นครปฐม 11. รพ.อุตรดิตถ์ 12. รพ.สวรรค์ประชารักษ์ 13. รพ.นครพิงค์ 14. รพ.พหลพลพยุหเสนา 15. รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ 16. รพ.อุดรธานี 17. รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ 18. รพ.สุราษฎร์ธานี 19. รพ.หาดใหญ่ และ 20. รพ.สงขลานครินทร์