ถ้ากล่าวถึงกระบวนการ Digital Transformation ของบริษัทใหญ่ Corporate Ventures Capital หรือ CVC นับเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยให้สามารถนำนวัตกรรมใหม่จากภายนอกเข้าสู่องค์กรได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในประเทศไทย องค์กรธุรกิจต่างๆ ล้วนตื่นตัวด้วยการหันมาสร้างทีม CVC มากมาย ซึ่งล้วนแต่มีรูปแบบความร่วมมือที่แตกต่างกันไป
แต่หากถามว่าในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มี CVC รายไหนที่มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจบ้าง ก็หนีไม่พ้น AddVentures by SCG ซึ่งสร้างรูปแบบการทำงานที่ก่อให้เกิด Impact ทั้งกับองค์กรและ Startup Ecosystem ได้ไม่น้อย โดยล่าสุด AddVentures ได้แถลงข่าวกลยุทธ์ Digital Transformation ของ SCG พร้อมแย้มรูปแบบความร่วมมือกับ Starup ใหม่ๆ ทั้งในไทยและต่างชาติ Techsauce จึงถือโอกาสพูดคุยกับ คุณดุสิต ชัยรัตน์ Corporate Venture Capital Fund Manager, AddVentures by SCG เกี่ยวกับกลยุทธ์การลงทุนและการคาดการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตจากการทำงานของ AddVentures by SCG
2 ปีของ AddVentures กับส่วนร่วมในการทำ Digital Transformation ของ SCG
ดุสิตกล่าวว่า ภารกิจของ AddVentures คือการค้นหานวัตกรรมใหม่ๆ จาก Starup ทั่วโลกมาเสริมประสิทธิภาพของ SCG โดยมี 2 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ การเสาะหานวัตกรรมมาใช้และการพัฒนาให้เป็น New Business
การเสาะหานวัตกรรมเพื่อนำมาใช้ เป็นการนำ Product หรือ Technology ของ Starup มาใช้โดย AddVentures ไม่จำเป็นต้องเข้าไปลงทุนในบริษัทนั้น ซึ่งในปี 2018 ที่ผ่านมาได้ทดลองให้ Business Unit ต่างๆ เลือกใช้งานโดยเริ่มจากโปรเจกต์แบบ Open Innovation ที่เน้นแนวคิด “ทำง่าย ทำเร็ว ไม่แพง” ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโปรเจกต์เล็กๆ และเน้นให้เกิดผลสำเร็จเล็กๆ ก่อนเพื่อให้ Business Unit ต่างๆ ได้เรียนรู้กระบวนการของ Open Innovation ทั้งนี้ ในปี 2019 นี้ จะเริ่มมีบางโปรเจกต์ถูกเลือกให้ Scale Up เพื่อสร้าง Impact กับองค์กรได้มากขึ้น
การมองหาโอกาสเพื่อพัฒนาเป็น New Business จาก Starup ที่ AddVentures เข้าไปลงทุน โดยพิจารณาว่าในอนาคต SCG จะมีบริษัทแบบนี้ใน Portfolio ได้หรือไม่ ซึ่งหากเป็น Startup ในต่างประเทศจะให้ความสำคัญกับโอกาส Cross Border ในการเข้ามาในประเทศไทย คุณดุสิตจึงมองว่า Startup กลุ่ม Indutrial แบบ B2B ในประเทศที่มีสถานะทางเศรษฐกิจใกล้เคียงกับไทย เช่น อินโดนีเซีย หรืออินเดีย ซึ่งมักจะเจอปัญหาคล้ายๆ กันกับไทย สามารถนำเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อแก้ปัญหาในบ้านเราได้ง่าย ส่วน Startup ไทยที่ AddVentures เข้าไปลงทุนก็จะมองหาโอกาส Cross Border ให้ขยายกิจการไปยังต่างประเทศได้ด้วยเช่นกัน
เป้าหมายการลงทุนปี 2019 และบทเรียนที่ AddVentures ค้นพบ
มาพูดคุยกับ CVC แล้วจะไม่ถามถึงการลงทุนคงไม่ได้ ซึ่งในปี 2019 นี้ AddVentures มีเป้าหมายจะขยายการลงทุนให้ใหญ่กว่าเดิม โดยคุณดุสิตเผยว่า AddVentures ยังคงโฟกัสที่ Startup ในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ระดับ Seed และ Series A เหมือนเดิมแต่สิ่งที่เพิ่มขึ้นคือการออกไปสำรวจภูมิภาคอื่นๆ โดยเน้นบรรดา Late Stage Startup หรือ Series B, C และ D ในประเทศจีน อินเดีย อิสราเอล อเมริกา ที่กำลังทำ International Expand ในตอนนี้ รวมถึงฝั่งยุโรปซึ่งเป็นเป้าหมายใหม่ที่จะเริ่มเข้าไปในปีนี้
คุณดุสิตเล่าถึงสถานการณ์ในปีที่ผ่านมา เริ่มจากฝั่งสหรัฐฯ ซึ่งมีเทคโนโลยีที่น่าสนใจเยอะ แต่ด้วยตลาดในสหรัฐฯ มีขนาดใหญ่อยู่แล้ว Starup ส่วนใหญ่จึงเลือกดำเนินธุรกิจในประเทศ มากกว่าที่จะข้ามมายังเอเซียตะวันออกเฉียงใต้รวมถึงไทย อย่างไรก็ตาม SCG ถือว่ายังมีโอกาสที่ดีอยู่ เพราะอยู่ในอุตสาหกรรมที่ Unique และเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ยังเป็น Hub ของภาคการผลิตและธุรกิจแบบดั้งเดิม หาก Startup สหรัฐฯ ต้องการขยายไปยังต่างประเทศแต่ไม่ต้องการเข้าไปทำธุรกิจในประเทศจีนด้วยเหตุผลต่างๆ เช่น ความกังวลในสถานการณ์ปัญหา Trade War ก็มีโอกาสที่ Startup สหรัฐฯ จะหันมาหาความร่วมมือในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้แทน
ส่วนการสำรวจจีนนั้น AddVentures พบ Starup ที่น่าสนใจนับสิบราย โดยเฉพาะในกลุ่ม Industry Solution ซึ่งในขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการเจรจาและอาจจะมีข่าวดีภายในปีนี้ นอกจากนี้ยังมีการสำรวจที่อิสราเอลซึ่งเป็นประเทศแห่งนวัตกรรมล้ำสมัย โดยในปี 2019 ก็อาจมีการประกาศการลงทุนกับ Startup ที่นี่ด้วยเช่นกัน
อีกประเทศหนึ่งที่น่าสนใจคืออินเดีย ซึ่ง AddVentures ได้รับความร่วมมือจาก Vertex Ventures กองทุนร่วมลงทุนที่ Focus ในอาเซียนและอินเดีย เพื่อเข้าสำรวจ Startup Scene จนพบว่ามีหลายรายที่น่าสนใจโดยเฉพาะในกลุ่มที่พัฒนา Software สำหรับ Enterprise
อ่านเพิ่มเติมทั้งหมดได้ที่ TECHSAUCE