25 เมษายน 2568 – SCGD เผยผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2568 ดีขึ้นต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน กำไร 217 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 171% จากค่าใช้จ่ายลดลงจากการปรับโครงสร้างธุรกิจ อีกทั้งการบริหารต้นทุนขาย และต้นทุนทางการเงิน อย่างมีประสิทธิภาพตามแผน รับมือภาษีนำเข้าสหรัฐอเมริกา เร่งปรับตัวสู้สงครามการค้า รักษาความสามารถการแข่งขันด้วยต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ทั้งธุรกิจในไทย และต่างประเทศ เตรียมเดินหน้าด้วย 4 กลยุทธ์ 1.) มุ่งดูแลรักษาลูกค้าเดิม และขยายกลุ่มลูกค้าใหม่ทั่วโลก 2.) ปรับการผลิตทันท่วงทีสอดคล้อง กับความต้องการของตลาด 3.) มุ่งเป็นผู้นำด้านการบริหารต้นทุน เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในตลาดโลก 4.) เพิ่มโอกาสด้วยการนำเข้าหรือจ้างผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ ต้นทุนแข่งขันได้ นอกจากนั้น ยังมุ่งเดินหน้ารักษาสภาพคล่องทางการเงิน และฐานะการเงินโดยเคร่งครัด ทั้งยังพิจารณาการลงทุนอย่างรอบคอบ เตรียมพร้อมธุรกิจฝ่าความท้าทายเศรษฐกิจโลก
นายนำพล มลิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทเอสซีจี เดคคอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCG Decor (SCGD) ผู้นำในธุรกิจเซรามิก วัสดุตกแต่งพื้นผิวและสุขภัณฑ์ ในภูมิภาคอาเซียน กล่าวว่า “ผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2568 มีโดย EBITDA 808 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 34 จากไตรมาสก่อน มีกำไร 217 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 171 จากไตรมาสก่อน จากค่าใช้จ่ายที่ลดลง จากการปรับโครงสร้างธุรกิจ การบริหารต้นทุนขายและต้นทุนการเงินอย่างมีประสิทธิภาพได้ตามแผน นอกจากนี้ ยังได้เร่งดำเนินโครงการลดต้นทุน ลดใช้พลังงาน และเพิ่มประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทฯ มีความสามารถในการทำกำไรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ มี EBITDA Margin อยู่ที่ร้อยละ 13.7 และอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ร้อยละ 3.9 สูงกว่าไตรมาสก่อน
แม้ว่า ในปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้การส่งออกสินค้าไปสหรัฐอเมริกาน้อยกว่าร้อยละ 1 ของยอดขายทั้งหมด แต่เพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลง ของตลาดในช่วงประกาศเลื่อนการขึ้นภาษีตอบโต้ออกไปอีก 90 วัน หรือความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ที่สินค้าจากประเทศอื่นส่งออก มายังอาเซียนเพิ่มมากขึ้น บริษัทฯ จึงเร่งปรับตัวสู้สงครามการค้า พร้อมรับมือภาษีนำเข้าสหรัฐอเมริกา ด้วยการรักษาความสามารถ การแข่งขันด้วยต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตทั้งในไทยและต่างประเทศ พร้อมเดินหน้าแผนด้วย 4 กลยุทธ์ ดังนี้
- มุ่งดูแลรักษาลูกค้าเดิม และขยายกลุ่มลูกค้าใหม่ทั่วโลก อีกทั้งเร่งขยายการส่งออกเพื่อรองรับ ความต้องการที่มีความหลากหลาย เฉพาะเจาะจง และมีศักยภาพมากขึ้น อาทิ ออสเตรเลีย แคนาดา และตะวันออกกลาง
- ปรับการผลิตทันท่วงทีสอดคล้องกับความต้องการของตลาด บริหารจัดการสินค้าคงคลังที่มีประสิทธิภาพ และจัดการต้นทุนให้สอดคล้องกับยอดขาย
- มุ่งเป็นผู้นำด้านการบริหารต้นทุนการผลิตสินค้า เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในตลาดโลก ซึ่งจะช่วยเพิ่มยอดขายและความสามารถ ในการทำกำไรได้สูงขึ้น เช่น การเร่งโครงการกระเบื้องพอร์ซเลนในเวียดนาม ซึ่งมีความได้เปรียบด้านต้นทุน หรือการทำสินค้า SPC ในไทยให้มีต้นทุนที่สามารถแข่งขันกับสินค้าจากผู้ผลิตระดับโลกได้ ส่งผลให้ปริมาณการขายทั้ง กระเบื้องพอร์ซเลนในเวียดนาม และสินค้า SPC ในไทยสูงขึ้นประมาณ 30% และ 40% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ท่ามกลางสถานการณ์ตลาดที่ยังชะลอตัว
- เพิ่มโอกาสด้วยการนำเข้าหรือจ้าง ผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ ต้นทุนแข่งขันได้ นำเสนอสินค้าหลากหลาย ด้วยคุณภาพมาตรฐาน SCGD ในราคาที่จับต้องได้ เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภค ส่งผลให้สัดส่วนการนำเข้าของ SCGD เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 18% เมื่อเทียบกับ 17% ของช่วงเดียวกันในปีก่อน อย่างไรก็ดี เพื่อลดผลกระทบจากความไม่แน่นอน บริษัทฯ จึงมีความระมัดระวังในการลงทุน และจัดลำดับความสำคัญโครงการการลงทุน เพื่อรักษาสภาพคล่องทางการเงินโดยเคร่งครัด”

อย่างไรก็ดี บริษัทฯ ได้เพิ่มโครงการลดต้นทุน โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ที่จะแล้วเสร็จในปีนี้ ซึ่งคาดว่าจะช่วยลดต้นทุน และเพิ่มกำไรในปีนี้ รวมประมาณ 100 ล้านบาท อาทิ โครงการติดตั้งระบบการผลิตก๊าซธรรมชาติ ด้วยเชื้อเพลิงชีวมวล (Biomass Gasifier) ทดแทนการใช้ถ่านหินที่มีราคาสูง ที่โรงงาน Pho Yen ทางตอนเหนือของเวียดนาม ทั้งยังปรับปรุงเทคโนโลยีและเครื่องจักร ขยายการผลิต Glazed Porcelain ที่โรงงาน Pho Yen เฟส 1 และ เฟส 2 รวมกำลังการผลิตกว่า 5 ล้านตารางเมตรต่อปี เพื่อสอดรับกับความต้องการที่เวียดนาม อีกทั้ง โครงการพลังงานแสงอาทิตย์ที่โรงงานนิคมหนองแค จำนวน 4 เมกะวัตต์ และโรงงานหินกอง จำนวน 1.5 เมกะวัตต์ และโครงการติดตั้งระบบ Hot Air Generator ที่โรงงานนิคมหนองแค ทดแทนการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นการเติบโตทั้งในด้านวัสดุตกแต่งพื้นผิว ธุรกิจสุขภัณฑ์ และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง (Complementary Business) ต่อเนื่อง เร่งตอบความต้องการของลูกค้าที่มีความต้องการ ที่มีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้น โดยในไตรมาสที่ 1 โครงการก่อสร้างร้านค้า COTTO LiFE สาขาภูเก็ต สาขาที่ 5 บนพื้นที่ 1,109 ตารางเมตร ทั้งนี้ ยังได้ขยายธุรกิจสุขภัณฑ์ไปยังต่างประเทศ และเพิ่มผู้แทนจำหน่ายเป็น 170 ราย โดยมียอดขายสุขภัณฑ์ในต่างประเทศ 126 ล้านบาท ส่วนการขยายธุรกิจสินค้าและบริการเกี่ยวเนื่อง ภายในไทยและอาเซียน มียอดขายจากสินค้า และบริการเกี่ยวเนื่องกว่า 109 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 28 จากปีก่อน
Published on: Apr 25, 2025
