พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี พระราชทานนวัตกรรม “ห้องตรวจหาเชื้อ” พัฒนาโดย “เอสซีจี” ให้แก่ “สถาบันบำราศนราดูร” เป็นแห่งที่ 5

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน “ห้องตรวจหาเชื้อ (Modular Swab Unit)” ให้ “สถาบันบำราศนราดูร กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข” เป็นแห่งที่ 5 ภายใต้ “โครงการเครื่องช่วยหายใจและเครื่องมือแพทย์พระราชทาน” เพื่อรับสถานการณ์การระบาดของเชื้อโควิด-19 โดยได้พระราชทานพระราชทรัพย์ให้เอสซีจีดำเนินการก่อสร้างให้ 20 โรงพยาบาลทั่วประเทศ ซึ่งห้องตรวจหาเชื้อดังกล่าว นอกจากจะช่วยลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อโควิด-19 ให้บุคลากรทางการแพทย์ในขณะปฏิบัติหน้าที่ ด้วยการแยกพื้นที่ระหว่างทีมแพทย์และคนไข้ออกจากกัน และใช้ระบบควบคุมแรงดันและคุณภาพอากาศที่เหมาะสม พร้อมกับมีระบบฆ่าเชื้อ ป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค โดยสามารถติดตั้งในพื้นที่จำกัดได้อย่างรวดเร็วภายใน 3 วันแล้ว  สถาบันบำราศนราดูรซึ่งเป็นโรงพยาบาลหลักในสังกัดกรมควบคุมโรค มีหน้าที่ดูแลและรักษาคนไข้ โดยเฉพาะในสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่จะมีคนไข้และผู้ที่มีความเสี่ยงในการติดเชื้อเข้ามาตรวจและรักษาเป็นจำนวนมาก ทำให้ผู้เข้ามาใช้บริการต้องรอคอยนาน ดังนั้น การมีห้องตรวจหาเชื้อที่ได้รับพระราชทานนี้ จึงเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเสริมสิ่งอำนวยความสะดวกที่โรงพยาบาลมีได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ พิธีรับพระราชทานห้องตรวจหาเชื้อดังกล่าวมี นายแพทย์อัษฎางค์ รวยอาจิณ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค นายแพทย์อภิชาต วชิรพันธ์ ผู้อำนวยการสถาบันบำราศนราดูร และนายยุทธนา เจียมตระการ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่-การบริหารกลาง เอสซีจี ร่วมพิธีฯ

ห้องตรวจเชื้อพระราชทาน แห่งที่ 4 สถาบันโรคทรวงอก และแห่งที่ 5 สถาบันบำราศนราดูร

นายแพทย์อัษฎางค์ รวยอาจิณ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค  กล่าวว่า “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงมีพระเมตตาต่อสถาบันบำราศนราดูร กรมควบคุมโรค และบุคลากรทางการแพทย์ทุกคนของสถาบันบำราศนราดูร กรมควบคุมโรค อย่างหาที่สุดมิได้ ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน “ห้องตรวจหาเชื้อ (Modular  Swab Unit)” ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการเครื่องช่วยหายใจ และเครื่องมือแพทย์พระราชทาน เพื่อรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 โดยพระราชทานพระราชทรัพย์ให้เอสซีจีดำเนินการก่อสร้างให้แก่โรงพยาบาลต่าง ๆ  รวม 20 แห่งทั่วประเทศ รวมถึงสถาบันบำราศนราดูร กรมควบคุมโรค ซึ่งได้รับพระราชทานเป็นแห่งที่ 5

สถาบันบำราศนราดูร กรมควบคุมโรค บุคลากรทางการแพทย์ทุกคนของสถาบันบำราศนราดูร กรมควบคุมโรค และประชาชนทุกคน รู้สึกซาบซึ้งและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี อย่างหาที่สุดมิได้ และจะนำนวัตกรรมห้องตรวจหาเชื้อที่ได้รับพระราชทานในครั้งนี้ ไปใช้ในการดูแลรักษาผู้ป่วย ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19  ให้ได้รับการดูแลรักษาอย่างดีที่สุดเต็มกำลังความสามารถ และเพื่อเป็นเครื่องมือป้องกันให้กับบุคลากรทางการแพทย์ที่ทำงานเป็นแนวหน้า อีกทั้งเป็นกำลังหลักในการรักษาผู้ป่วยให้มีขวัญมีกำลังใจ และมีความปลอดภัยในการปฏิบัติงานต่อไป”

นายแพทย์อัษฎางค์ รวยอาจิณ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค

ด้าน นายแพทย์อภิชาต วชิรพันธ์ ผู้อำนวยการสถาบันบำราศนราดูร กล่าวว่า “การที่สถาบันบำราศนราดูร ได้รับพระราชทานห้องตรวจหาเชื้อ (Modular Swab Unit) พวกเรารู้สึกปลื้มปีติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ อันเป็นการเพิ่มขวัญและกำลังใจต่อบุคลากรทางการแพทย์ และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนทั่วไปที่มาใช้บริการการตรวจหาเชื้อ ซึ่งเป็นจุดที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อของบุคลากรทางการแพทย์ ดังนั้น ถ้าเรามีห้องตรวจหาเชื้อ (Modular Swab Unit) จะช่วยลดอัตราเสี่ยงจากการติดเชื้อและให้ความปลอดภัยต่อบุคลากรทางการแพทย์ ผู้ปฏิบัติงานได้เป็นอย่างดี ทำให้การรักษาพยาบาลประชาชนชาวไทยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ”

นายแพทย์อภิชาต วชิรพันธ์ ผู้อำนวยการสถาบันบำราศนราดูร

ขณะที่ นายยุทธนา เจียมตระการ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่-การบริหารกลาง  เอสซีจี กล่าวว่า “เอสซีจี รู้สึกปลาบปลื้มเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ ให้มีส่วนร่วมในการผลิตนวัตกรรมห้องตรวจหาเชื้อ (Modular Swab Unit) เพื่อช่วยปกป้องทีมบุคลากรทางการแพทย์ขณะปฏิบัติหน้าที่ และช่วยปกป้องประชาชนจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยห้องตรวจหาเชื้อดังกล่าว นอกจากจะพัฒนาจากเทคโนโลยีของ SCG HEIM และ Living Solution ซึ่งนอกจากจะตั้งใจออกแบบให้มีระบบควบคุมแรงดันและการหมุนเวียนของอากาศให้สะอาด ปลอดภัย มีระบบป้องกันอากาศรั่วไหลที่ทำให้ห้องปิดสนิท ป้องกันอากาศเข้า-ออกตัวอาคาร ทำให้ภายในอาคารสามารถควบคุมแรงดันอากาศได้เป็นอย่างดี จึงช่วยเพิ่มความมั่นใจในความปลอดภัยแก่บุคลากรทางการแพทย์ขณะปฏิบัติหน้าที่ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ให้กับผู้ป่วยหรือกลุ่มเสี่ยงได้มากขึ้นแล้ว ห้องตรวจหาเชื้อที่ติดตั้ง ณ สถาบันบำราศนราดูร ซึ่งเป็นโรงพยาบาลหลักซึ่งมีหน้าที่ดูแลและรักษาคนไข้ผู้ที่มีความเสี่ยงในการติดเชื้อเป็นจำนวนมาก ยังสามารถต่อยอดสู่การตรวจหาเชื้อโรคอื่นที่อาจจะมีสถานการณ์ระบาดต่อไป ซึ่งด้วยความร่วมมืออย่างดียิ่งของทางโรงพยาบาล ประกอบกับประสบการณ์และความชำนาญของทีมติดตั้ง จึงทำให้การดำเนินการต่าง ๆ สำเร็จลงภายในเวลาเพียง 3 วัน พร้อมที่จะให้บริการแก่บุคลากรทางการแพทย์และประชาชนได้ในทันที”

นวัตกรรมห้องตรวจหาเชื้อ (Modular Swab Unit)

สำหรับ นวัตกรรมห้องตรวจหาเชื้อ (Modular Swab Unit) นี้ พัฒนาจากเทคโนโลยีของ SCG HEIM และ Living Solution ภายในห้องตรวจผู้ที่มีความเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 ได้ออกแบบให้มีระบบ Smart Indoor Air Quality (IAQ Smart) ที่ช่วยควบคุมแรงดันและการหมุนเวียนของอากาศให้สะอาด ปลอดภัย และระบบการป้องกันอากาศรั่วไหล (Air Tightness) ที่ทำให้ห้องปิดสนิท ป้องกันอากาศเข้า-ออกตัวอาคาร ทำให้ในตัวอาคารสามารถควบคุมแรงดันอากาศได้เป็นอย่างดี โดยทีมแพทย์จะอยู่ในห้องความดันบวก ที่ไม่มีอากาศเสียจากภายนอกเข้าไป อากาศภายในจึงบริสุทธิ์ปลอดภัย ส่วนผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงติดเชื้อจะอยู่ในห้องความดันลบ และมีระบบดูดอากาศเสียออกไปกำจัดอย่างต่อเนื่อง จึงป้องกันไม่ให้มีอากาศฟุ้งกระจายออกไปภายนอก เพื่อสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยให้แก่ทีมแพทย์ ซึ่งการเก็บตัวอย่าง (Swab) จะทำผ่านแผ่นอะคริลิกที่เจาะเป็นช่อง โดยแพทย์สามารถสอดมือผ่านช่องที่มีถุงมือคลุมด้วยพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งเพื่อเก็บตัวอย่าง จึงลดความเสี่ยงในการปนเปื้อนจากผู้ที่เข้ารับการตรวจพร้อมใช้แสงยูวีเข้มข้นสูง ฆ่าเชื้อโรคต่าง ๆ (UV Germicide) หลังจากการใช้งานในห้องทุกครั้ง ทั้งนี้ โครงสร้างกว่าร้อยละ 80 ประกอบขึ้นรูปภายในโรงงานที่มีการควบคุมคุณภาพและความสะอาดตลอดกระบวนการผลิต และยังสามารถติดตั้งได้รวดเร็ว

ภายในห้องตรวจผู้ที่มีความเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19

ทั้งนี้ โรงพยาบาล 20 แห่งทั่วประเทศ ที่ได้รับพระราชทานนวัตกรรม “ห้องตรวจหาเชื้อ” พัฒนาโดย “เอสซีจี” ได้แก่ 1. รพ.ภูมิพลอดุลยเดช กรมแพทย์ทหารอากาศ 2. รพ.สมเด็จพระยุพราชสระแก้ว 3. รพ.กลาง 4. สถาบันโรคทรวงอก 5. สถาบันบำราศนราดูร 6. รพ.ตำรวจ 7. รพ.สมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา 8. รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ 9. รพ.นครปฐม 10. รพ.ราชบุรี 11. รพ.พุทธชินราช พิษณุโลก 12. รพ.พหลพลพยุหเสนา 13. รพ.อุตรดิตถ์ 14. รพ.สวรรค์ประชารักษ์ 15. รพ.นครพิงค์ 16. รพ.อุดรธานี 17. รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ 18. รพ.สุราษฎร์ธานี 19. รพ.สงขลานครินทร์ และ 20. รพ.หาดใหญ่

(Visited 1,338 times, 1 visits today)