พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน “ห้องตรวจหาเชื้อ (Modular Swab Unit)” ซึ่งเป็นหนึ่งใน “โครงการเครื่องช่วยหายใจและเครื่องมือแพทย์พระราชทาน” เพื่อรับสถานการณ์การระบาดของเชื้อโควิด-19 โดยได้พระราชทานพระราชทรัพย์ให้เอสซีจีดำเนินการก่อสร้างให้โรงพยาบาลต่าง ๆ 20 แห่งทั่วประเทศ เพื่อเสริมความพร้อมหากมีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ซ้ำในอนาคต โดยในครั้งนี้ ได้พระราชทานห้องตรวจหาเชื้อให้แก่ “โรงพยาบาลสงขลานครินทร์” เป็นแห่งที่ 20 ซึ่งโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ เป็นโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ มีหน้าที่ในการรับส่งต่อผู้ป่วยโรคยากและซับซ้อนจาก 14 จังหวัดภาคใต้ ตลอดจนทหาร ตำรวจและประชาชนที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
ตั้งแต่เกิดสถานการณ์แพร่ระบาดโรคไวรัสโควิด-19 ขึ้นจนถึงปัจจุบัน โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ได้คัดกรองและตรวจรักษาผู้ป่วยจำนวน 1,230 คน โดยมีผู้ป่วยที่คลินิกโรคทางเดินหายใจ (ARI Clinic) เข้ารับการรักษาเฉลี่ยวันละ 34 คน การได้รับพระราชทานห้องตรวจหาเชื้อ จึงช่วยลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อโควิด-19 ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ขณะปฏิบัติหน้าที่ รวมทั้งประชาชนที่มาตรวจรักษาได้เป็นอย่างดี เนื่องจากมีการแยกพื้นที่ระหว่างทีมแพทย์และคนไข้ออกจากกัน และใช้ระบบควบคุมแรงดันและคุณภาพอากาศที่เหมาะสม พร้อมมีระบบฆ่าเชื้อ ป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค ทั้งยังช่วยให้การเก็บตัวอย่างเชื้อส่งตรวจมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยใช้เวลาในการติดตั้งเพียง 3 วัน เพื่อให้เชื่อมต่อและขยายศักยภาพกับศูนย์คัดกรองผู้ป่วยเดิมของโรงพยาบาล พร้อมให้บริการแก่บุคลากรทางการแพทย์และประชาชนได้ในทันที ยังความปลื้มปีติแก่บุคลากรทางการแพทย์ ตลอดจนประชาชนทุกหมู่เหล่าต่างรู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น โดยมี นายจารุวัฒน์ เกลี้ยงเกลา ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา รศ.นพ.พุฒิศักดิ์ พุทธวิบูลย์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ พร้อมด้วย รศ.นพ.เรืองศักดิ์ ลีธนาภรณ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ คณะผู้บริหารคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และนายวิระชัย คูนำวัฒนา Head of Living Solution Business ในธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างเอสซีจี ร่วมพิธีรับพระราชทานห้องตรวจหาเชื้อดังกล่าว ณ โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ จ.สงขลา
นายจารุวัฒน์ เกลี้ยงเกลา ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา กล่าวว่า “จังหวัดสงขลาพร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประชาชนทุกคน ต่างรู้สึกซาบซึ้งและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของทั้งสองพระองค์อย่างหาที่สุดไม่ได้ ที่ได้รับพระราชทาน ”ห้องตรวจหาเชื้อ” ในครั้งนี้ นับเป็นประโยชน์อย่างมหาศาลกับโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ในการนำไปใช้ในการดูแลรักษาผู้ป่วยในจังหวัดสงขลา รวมถึงประชาชนในอีก 13 จังหวัดภาคใต้ ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทั้งในวันนี้และในอนาคต อีกทั้งยังเป็นเป็นเครื่องมือป้องกันให้กับบุคลากรทางการแพทย์ที่ทำงานเป็นแนวหน้า เพื่อให้มีความปลอดภัยในการทำงานต่อไป”
รศ.นพ.พุฒิศักดิ์ พุทธวิบูลย์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กล่าวว่า “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงมีพระเมตตาต่อบุคลากรทางการแพทย์ทุกคนของโรงพยาบาลสงขลานครินทร์อย่างหาที่สุดมิได้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเครื่องมือแพทย์และ “ห้องตรวจหาเชื้อ” ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการเครื่องช่วยหายใจและเครื่องมือแพทย์พระราชทาน เพื่อรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อ โควิด-19 โดยได้พระราชทานพระราชทรัพย์ให้ดำเนินการก่อสร้างให้แก่โรงพยาบาลต่าง ๆ รวม 20 แห่ง ทั่วประเทศ รวมถึงโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ บุคลากรทางการแพทย์ทุกคนของโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และประชาชนทุกคน รู้สึกซาบซึ้งและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ โดยจะนำนวัตกรรมห้องตรวจหาเชื้อที่ได้รับพระราชทานในครั้งนี้ไปใช้ในการดูแลรักษาผู้ป่วยในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และประยุกต์ใช้ในการตรวจหาเชื้อโรคติดต่อทางอากาศของผู้ป่วยที่ถูกคัดแยกไว้บริเวณศูนย์คัดกรองของโรงพยาบาล ทั้งนี้ เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยที่เป็นโรคติดต่อที่สามารถแพร่กระจายเชื้อโรคทางอากาศ เช่น โรคโควิด-19 โรคเมอร์ส (MERS-CoV) หรือวัณโรค นำเชื้อโรคไปแพร่เชื้อให้กับบุคลากรทางการแพทย์และผู้ป่วยอื่นๆในโรงพยาบาลต่อไป”
ด้าน รศ.นพ.เรืองศักดิ์ ลีธนาภรณ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ กล่าวว่า “โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ เป็นโรงพยาบาลลำดับที่ 20 ที่ได้รับพระราชทานห้องตรวจหาเชื้อ บุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลฯ ต่างรู้สึกปลื้มปีติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ อันเป็นการเพิ่มขวัญและกำลังใจต่อบุคลากรทางการแพทย์ และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนทั่วไปที่มาใช้บริการ การตรวจหาเชื้อจากผู้ป่วยเป็นจุดที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อของบุคลากรทางการแพทย์ ดังนั้น ถ้าโรงพยาบาลฯ มีห้องตรวจหาเชื้อก็จะช่วยลดอัตราเสี่ยงจากการติดเชื้อและให้ความปลอดภัยต่อบุคลากรทางการแพทย์ ผู้ปฏิบัติงานได้เป็นอย่างดี ทำให้การรักษาพยาบาลประชาชนชาวไทยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยโรงพยาบาลฯ ได้ติดตั้งห้องตรวจหาเชื้อบริเวณศูนย์คัดกรองโรคระบบทางเดินหายใจ ซึ่งจะช่วยทำให้การตรวจคัดกรองผู้ป่วยและการตรวจหาเชื้อดำเนินไปอย่างราบรื่น อีกทั้ง โรงพยาบาลฯ จะต่อยอดการใช้งานห้องตรวจหาเชื้อโรคติดต่อทางระบบทางเดินหายใจและโรคอุบัติใหม่ เพื่อให้สอดรับกับการใช้ชีวิตวิถีใหม่ (New Normal)”
ขณะที่นายวิระชัย คูนำวัฒนา Head of Living Solution Business ในธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างเอสซีจี กล่าวว่า “เอสซีจี รู้สึกปลาบปลื้มเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ ให้มีส่วนร่วมในการผลิตนวัตกรรมห้องตรวจหาเชื้อ (Modular Swab Unit) ให้แก่โรงพยาบาลทั้ง 20 แห่ง เพื่อช่วยปกป้องแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ ขณะปฏิบัติหน้าที่ อันเป็นการตอบแทนความเสียสละและอุทิศตนของท่านทั้งหลายที่ได้ช่วยกันดูแลรักษาผู้ป่วย และยังช่วยปกป้องประชาชนจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสนี้ โดยห้องตรวจหาเชื้อที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ เป็นแห่งที่ 20 ซึ่งห้องตรวจหาเชื้อดังกล่าว พัฒนาจากเทคโนโลยีของ SCG HEIM และ Living Solution ซึ่งได้ออกแบบให้มีระบบที่จะช่วยควบคุมแรงดันและการหมุนเวียนของอากาศให้สะอาด ปลอดภัย มีระบบการป้องกันอากาศรั่วไหล ที่ทำให้ห้องปิดสนิท ป้องกันอากาศเข้า-ออกตัวอาคาร ทำให้ภายในอาคารสามารถควบคุมแรงดันอากาศได้เป็นอย่างดี ช่วยเพิ่มความมั่นใจในความปลอดภัยแก่บุคลากรทางการแพทย์ขณะปฏิบัติหน้าที่ได้มากขึ้น สำหรับห้องตรวจหาเชื้อที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ได้ติดตั้งในบริเวณที่เชื่อมต่อกับจุดคัดกรองผู้ป่วยเดิมของโรงพยาบาลฯ เพื่อให้ขั้นตอนการตรวจคัดกรองผู้ป่วยและการตรวจหาเชื้อดำเนินไปอย่างราบรื่น ด้วยความร่วมมืออย่างดียิ่งของทางโรงพยาบาล ประกอบกับประสบการณ์และความชำนาญของทีมติดตั้ง จึงทำให้การดำเนินการต่าง ๆ สำเร็จลงภายในเวลา 3 วัน พร้อมที่จะให้บริการแก่บุคลากรทางการแพทย์และประชาชนได้ในทันที เอสซีจี หวังว่านวัตกรรมนี้จะช่วยเสริมความมั่นใจให้บุคลากรทางการแพทย์ ประชาชนปลอดภัยจากการติดเชื้อ และเป็นประโยชน์ต่อโรงพยาบาลฯ”
นวัตกรรมห้องตรวจหาเชื้อ (Modular Swab Unit) นี้ พัฒนาจากเทคโนโลยีของ SCG HEIM และ Living Solution ภายในห้องตรวจผู้ที่มีความเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 ได้ออกแบบให้มีระบบ Smart Indoor Air Quality (IAQ Smart) ที่ช่วยควบคุมแรงดันและการหมุนเวียนของอากาศให้สะอาด ปลอดภัย และระบบการป้องกันอากาศรั่วไหล (Air Tightness) ที่ทำให้ห้องปิดสนิท ป้องกันอากาศเข้า-ออกตัวอาคาร ทำให้ในตัวอาคารสามารถควบคุมแรงดันอากาศได้เป็นอย่างดี โดยทีมแพทย์จะอยู่ในห้องความดันบวก ที่ไม่มีอากาศเสียจากภายนอกเข้าไป อากาศภายในจึงบริสุทธิ์ปลอดภัย ส่วนผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงติดเชื้อจะอยู่ในห้องความดันลบ และมีระบบดูดอากาศเสียออกไปกำจัดอย่างต่อเนื่อง จึงป้องกันไม่ให้มีอากาศฟุ้งกระจายออกไปภายนอก เพื่อสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยให้แก่ทีมแพทย์ ซึ่งการเก็บตัวอย่าง (Swab) จะทำผ่านแผ่นอะคริลิกที่เจาะเป็นช่อง โดยแพทย์สามารถสอดมือผ่านช่องที่มีถุงมือคลุมด้วยพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งเพื่อเก็บตัวอย่าง จึงลดความเสี่ยงในการปนเปื้อนจากผู้ที่เข้ารับการตรวจ พร้อมใช้แสงยูวีเข้มข้นสูง ฆ่าเชื้อโรคต่าง ๆ (UV Germicide) หลังจากการใช้งานในห้องทุกครั้ง ทั้งนี้ โครงสร้างกว่าร้อยละ 80 ประกอบขึ้นรูปภายในโรงงานที่มีการควบคุมคุณภาพและความสะอาดตลอดกระบวนการผลิต และยังสามารถติดตั้งได้รวดเร็ว
ทั้งนี้ โรงพยาบาล 20 แห่งทั่วประเทศ ที่ได้รับพระราชทานนวัตกรรม “ห้องตรวจหาเชื้อ” พัฒนาโดย “เอสซีจี” ได้แก่ 1. รพ.ภูมิพลอดุลยเดช กรมแพทย์ทหารอากาศ 2. รพ.สมเด็จพระยุพราชสระแก้ว 3. รพ.กลาง 4. สถาบันโรคทรวงอก 5. สถาบันบำราศนราดูร 6. รพ.พุทธชินราช พิษณุโลก 7. รพ.ตำรวจ 8. รพ.ราชบุรี 9. รพ.สมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา 10. รพ.นครปฐม 11. รพ.อุตรดิตถ์ 12. รพ.สวรรค์ประชารักษ์ 13. รพ.นครพิงค์ 14. รพ.พหลพลพยุหเสนา 15. รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ 16. รพ.อุดรธานี 17. รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ 18. รพ.สุราษฎร์ธานี 19. รพ.หาดใหญ่ และ 20. รพ.สงขลานครินทร์