10 พฤษภาคม 2567 – รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นิคมอุตฯ มาบตาพุด จ.ระยอง ผู้บริหารบริษัทฯ ลงพื้นที่ชุมชน ติดตามและพบคุณภาพอากาศอยู่ในเกณฑ์ปกติ ไม่กระทบต่อชุมชน และน้ำจากการดับเพลิงไม่รั่วไหลสู่สิ่งแวดล้อม เนื่องจากมีเขื่อนกั้นบริเวณรอบถัง สามารถรองรับน้ำจากการดับเพลิงได้ 100% พร้อมเปิดศูนย์ให้ความช่วยเหลือ 24 ชั่วโมง โทร. 085-650-4049 ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บ ขณะนี้กลับบ้านแล้ว 2 ราย และ 3 ราย อยู่ในความดูแลแพทย์ใกล้ชิด
นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังรับฟัง ความคืบหน้าเหตุเพลิงไหม้ บริษัท มาบตาพุด แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด เช้าวันนี้ว่า “จากการลงตรวจพื้นที่พบว่า สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว โดยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) และบริษัทฯ ได้ทำการควบคุมเพลิงไว้ได้อย่างเด็ดขาด แต่ขณะเดียวกันยังทำการฉีดโฟมหล่อเย็นไว้ เพื่อควบคุมอุณหภูมิจากสภาวะอากาศ ที่มีอุณหภูมิสูง ด้านการดูแลประชาชนในพื้นที่โดยรอบนั้น ได้อพยพประชาชนไปยังที่ทำการชุมชนตากวนอ่าวประดู่ จ.ระยอง รวมทั้งประสานกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยคณะสหเวชศาสตร์ เพื่อส่งทีมแพทย์เข้ามาดูแลสุขภาพ และตรวจรักษาให้กับพี่น้องประชาชนแล้ว
ส่วนการตรวจวัดคุณภาพน้ำชุมชนโดยรอบพื้นที่ โดยรถโมบายของสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด (สนพ.) จำนวน 2 จุด ได้แก่ คลองชากหมาก และบริเวณบริษัท ไทยพลาสติกเคมีภัณฑ์ พบว่าคุณภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ขณะที่คุณภาพในบรรยากาศพบว่า ผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศจำนวน 3 จุด ได้แก่ จุดตรวจสถานีอนามัยตากวน จุดตรวจสถานีหนองเสือเกือก และจุดตรวจสถานีเทศบาลเมืองมาบตาพุด อยู่ในเกณฑ์ปกติ”
นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการ กนอ. กล่าวว่า “กนอ. จะตรวจวิเคราะห์หาสาเหตุของเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นโดยเร่งด่วน จัดทำมาตรการด้านความปลอดภัยเพื่อป้องกันการเกิดซ้ำ ซึ่งต้องได้รับการรับรองจากหน่วยงานภายนอก ที่ให้การรับรองด้านความปลอดภัย พร้อมทั้งชี้แจงแนวทางและมาตรการในการช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการเกิดอุบัติเหตุดังกล่าวด้วย อย่างไรก็ตาม ได้กำชับทุกนิคมอุตสาหกรรมให้เพิ่มความเข้มงวดของมาตรการรักษาความปลอดภัยภายในพื้นที่ ตามมาตรฐาน “การจัดการความปลอดภัยกระบวนการผลิต” (Process Safety Management : PSM) เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ประกอบกิจการ และประชาชนโดยรอบนิคมอุตสาหกรรม เพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมอยู่ร่วมกับชุมชนได้อย่างยั่งยืน”
นพ.สุนทร เหรียญภูมิการกิจ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดระยอง กล่าวในการแถลงข่าววานนี้ว่า “ตามเอกสารประกอบของสารประกอบไฮโดรคาร์บอน C9+ เมื่อเกิดเพลิงไหม้พบว่า มีผลกระทบต่อสุขภาพระดับสอง คือ มีการระคายเคืองเป็นหลัก แสบหู ตา จมูก ไอ ถ้าสูดดมในปริมาณมากอาจจะคลื่นไส้ เวียนศีรษะ หรือทำให้หมดสติ โดยทั่วไปจะมีอาการระคายเคือง ยังไม่มีรายงานว่า เป็นสารที่ก่อให้เกิดมะเร็ง”
นายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี กล่าวว่า “เอสซีจีเร่งดำเนินงานอย่างเต็มที่เพื่อลดผลกระทบ ต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยลงพื้นที่ ติดตามและบรรเทาผลกระทบ ซึ่งได้ตรวจวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่ชุมชน โดยรอบอย่างเข้มข้น ทั้งจากสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศแบบต่อเนื่องของ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) และเทศบาลเมืองมาบตาพุด รวมทั้งเครื่องตรวจวัดสารอินทรีย์ระเหยง่ายแบบพกพา 18 จุดในพื้นที่ชุมชน พบว่า คุณภาพอากาศอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานทุกสถานี โดยยังคงเฝ้าระวังคุณภาพ สิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง สำหรับการป้องกันการรั่วไหลของสารเคมี และน้ำจากการดับเพลิง บริษัทฯ ได้ออกแบบเขื่อนกั้น (Bund) ที่รองรับน้ำและโฟม จากการดับเพลิง สามารถกักเก็บได้ 100% จึงมั่นใจได้ว่า จะไม่รั่วไหลและปนเปื้อนสู่สิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ น้ำจากการดับเพลิงจะถูกนำไปกำจัด อย่างถูกต้องตามกฎหมายต่อไป นอกจากนี้ ยังได้จัดศูนย์ช่วยเหลือบรรเทาผลกระทบให้กับพี่น้องชุมชน พร้อมดูแล 24 ชั่วโมง โทร. 085-650-4049 สำหรับผู้บาดเจ็บ 5 ราย นั้น ขณะนี้ 2 ราย อาการดีขึ้น แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านแล้ว ส่วนที่เหลืออีก 3 ราย อยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด ซึ่งบริษัทฯ จะดูแลอย่างเต็มที่”
Published on: May 10, 2024