ท้าทายแต่ไม่ถอย เอสซีจีพร้อมสู้ศึกปัจจัยลบ กระทบธุรกิจครึ่งปีแรก มั่นใจรักษาเสถียรภาพทางการเงิน

แม้ภาพรวมผลประกอบการไตรมาสที่ 2 และครึ่งปีแรกของปี 2562 ของเอสซีจี จะได้รับผลกระทบจากปัจจัยหลายประการ โดยเฉพาะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวจากสงครามการค้า ความผันผวนของต้นทุนวัตถุดิบ และเงินบาทที่แข็งค่า เพราะมีการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศและการส่งออกไปต่างประเทศ รวมทั้งการปรับเงินชดเชยตามกฎหมายแรงงาน แต่เอสซีจีก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ จึงได้เร่งปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจทั้งระยะสั้นและระยะยาว เพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเงินและทำให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว

โดย รุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี ได้ให้ความเห็นเรื่องนี้ว่า “เอสซีจีเน้นจัดลำดับความสำคัญของการลงทุน โดยครึ่งปีแรกที่ผ่านมามีการลงทุนหลักๆ คือ การซื้อหุ้น Fajar ผู้ผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์รายใหญ่ของอินโดนีเซีย รวมทั้งการลงทุนธุรกิจเคมิคอลส์ในเวียดนามและไทย ด้วยการพิจารณาว่าโครงการใดเป็นการลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพและมีการเติบโตของตลาดค่อนข้างสูงอย่างโครงการลงทุนปิโตรเคมีในเวียดนาม รวมทั้งการขยายกำลังการผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ในฟิลิปปินส์ ซึ่งใช้เงินลงทุนต่อหน่วยไม่มากและทำได้เร็ว และโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต หรือการใช้พลังงานอย่างการลงทุนด้านพลังงานทดแทน เราก็พยายามเร่งรัดโครงการให้สำเร็จโดยเร็ว ส่วนโครงการอื่นๆ ที่ให้ผลตอบแทนช้าและใช้เวลานานในการลงทุน เราจะพักไว้ก่อน

การลงทุนใน Fajar ผู้ผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์รายใหญ่ของอินโดนีเซีย โดยธุรกิจแพคเกจจิ้ง
การลงทุนใน Fajar ผู้ผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์รายใหญ่ของอินโดนีเซีย โดยธุรกิจแพคเกจจิ้ง

ขณะเดียวกันก็มีการพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง เช่น ธุรกิจเคมิคอลส์ที่พัฒนาสินค้าโดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ทำให้ตอบโจทย์ลูกค้าซึ่งเป็นภาคอุตสาหกรรม และช่วยเพิ่มมูลค่าสินค้าที่ให้กับลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น เช่น การพัฒนาเม็ดพลาสติกพอลิเอทิลีนเกรดพิเศษด้วย SMX Technology™ ที่ทำให้สามารถลดปริมาณการใช้พลาสติกในผลิตภัณฑ์แต่ยังคงความแข็งแรงทนทานได้ดี หรือการพัฒนา Functional Materials อย่าง CIERRA™ ที่ช่วยปรับคุณสมบัติพลาสติกให้สามารถใช้พลาสติกเพียงชนิดเดียวแต่ให้คุณสมบัติที่หลากหลายกับบรรจุภัณฑ์ แทนการใช้วัสดุหลายชนิดซึ่งยากต่อการนำไปรีไซเคิล

โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานอย่างการลงทุนด้านพลังงานทดแทน
โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานอย่างการลงทุนด้านพลังงานทดแทน

ส่วนธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ก็เน้นการรุกตลาดใหม่ๆ ที่มีศักยภาพและมูลค่าของตลาดที่เติบโตอย่างรวดเร็วอย่างธุรกิจค้าปลีก เช่น การเปิดศูนย์ “SCG Home บุญถาวร” จำหน่ายสินค้าวัสดุตกแต่งที่เน้นครัวและห้องน้ำ ตลอดจนการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ มาใช้ในการส่งมอบโซลูชั่น เช่น ระบบหลังคา เพื่อให้ลูกค้าสะดวกสบายมากขึ้น

ศูนย์วิจัยและพัฒนา SCG Advanced Materials Laboratory ของธุรกิจเคมิคอลส์
ศูนย์วิจัยและพัฒนา SCG Advanced Materials Laboratory ของธุรกิจเคมิคอลส์

ขณะที่ธุรกิจแพคเกจจิ้ง นอกจากการลงทุนใหม่ๆ แล้ว เราก็เห็นโอกาสไม่ว่าจะเป็นการเติบโตของธุรกิจ E-commerce หรือการเติบโตของบรรจุภัณฑ์สำหรับอาหาร Fast food ก็เป็นสิ่งที่เราจะใช้ประโยชน์จากตรงนี้ให้มาก เพื่อช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้ธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว”

ต้องยอมรับว่าแม้การดำเนินธุรกิจของเอสซีจีจะมีความท้าทายค่อนข้างมากจากปัจจัยในระดับโลกหรือในระดับภูมิภาค แต่ขณะเดียวกันจะเห็นว่าเอสซีจีไม่ทิ้งเรื่องการพัฒนานวัตกรรม และการลงทุนเพื่อตอบโจทย์สินค้าและบริการให้ลูกค้าได้ดีขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้รักษาเสถียรภาพทางการเงิน ไปพร้อมๆ กับการสร้างธุรกิจให้เติบโตได้ในระยะยาวต่อไป

SCG Home บุญถาวร ของธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง
SCG Home บุญถาวร ของธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง

ผู้สนใจสามารถรับชมคลิปวิดิโอสรุปงานแถลงผลประกอบการไตรมาสที่ 2 และครึ่งปีแรกของปี 2562 ของเอสซีจีได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=nmbj3WgYofI&feature=youtu.be และติดตามข่าวสารอื่นๆ ของเอสซีจีได้ที่ https://scgnewschannel.com / Facebook: scgnewschannel / Twitter: @scgnewschannel หรือ Line@: @scgnewschannel

เอสซีจี แถลงผลประกอบการไตรมาสที่ 2 และครึ่งปีแรกของปี 2562
เอสซีจี แถลงผลประกอบการไตรมาสที่ 2 และครึ่งปีแรกของปี 2562
(Visited 1,212 times, 1 visits today)