เปลี่ยน SMEs สู่ “สังคมคาร์บอนต่ำ” ความท้าทายที่ใช้ทุกพลังร่วมขับเคลื่อน เส้นทางความสำเร็จของ “พาเลทเมกเกอร์ กรุ๊ป” เริ่มจากเรียนรู้และเข้าใจ

โลกที่กำลังเผชิญกับสภาพอากาศสุดขั้ว เป็นเหมือนสัญญาณเตือนให้ทุกคนลงมือปรับตัวสู่ “สังคมคาร์บอนต่ำ” ตั้งแต่วันนี้ เพื่อการอยู่รอดในระยะยาวและเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่ง SMEs ที่เป็นรากฐานของเศรษฐกิจไทย และเป็นกลไกสำคัญในการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำ โดยการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นได้จริง ทุกภาคส่วนต้องรวมพลังกันขับเคลื่อน “เอสซีจี” ได้ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และเครือข่ายพันธมิตร เดินหน้าจัด 2 โครงการ ได้แก่ หลักสูตร Net Zero Accelerator Program 2026 (NZAP 2026) และโครงการ Go Together ซีซัน 2 เพื่อสนับสนุนให้ SMEs สามารถปรับตัว และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน พร้อมเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำ อย่างเป็นรูปธรรม

“พาเลทเมกเกอร์ กรุ๊ป” SMEs ตัวอย่างความสำเร็จ

บริษัท พาเลทเมกเกอร์ กรุ๊ป จำกัด ผู้ผลิตพาเลทไม้ส่งออก เป็นหนึ่งในตัวอย่างความสำเร็จของ SMEs ที่เข้าร่วมโครงการ NZAP 2026 และโครงการ Go Together ของ SCG มุ่งเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำ ซึ่งไม่ใช่เป็นเพียงทางเลือก หากแต่เป็นทางรอดในระยะยาว ท่ามกลางความท้าทายรอบด้าน เมื่อโลกก้าวสู่ยุคที่คาร์บอนกลายเป็นตัวชี้วัดสำคัญ กติกาการค้าโลกเข้มงวดขึ้น และลูกค้ารายใหญ่เรียกร้องมาตรฐานใหม่ ๆ

คุณทิพวรรณ์ เจียมเจริญ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท พาเลทเมกเกอร์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า วันนี้มีสัญญาณบางอย่างบอกว่าถึงเวลาต้องลงมือทำ เรื่องสิ่งแวดล้อมแล้ว ถ้าไม่เปลี่ยนธุรกิจก็อาจจะไม่รอด แม้คุณภาพและราคาสินค้าจะดี เพราะระยะหลังลูกค้าเริ่มตั้งคำถาม เกี่ยวกับคาร์บอนฟุตพรินท์ ซึ่งหากไม่มีคำตอบอาจทำให้เสียโอกาสทางธุรกิจ แต่การเปลี่ยนผ่านมีความท้าทายมากมาย เริ่มตั้งแต่จะหาองค์ความรู้จากที่ไหน เรื่องของเงินทุนและเทคโนโลยี ทำให้นึกภาพไม่ออกจนรู้สึกว่ายากเกินไป คงเป็นไปไม่ได้ที่จะเรื่องนี้ด้วยตัวเอง

คุณทิพวรรณ์ เจียมเจริญ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท พาเลทเมกเกอร์ กรุ๊ป จำกัด

ลงมือทำอย่างเข้าใจ เริ่มเลยวันนี้ไม่ตกขบวน

การเข้าอบรมโครงการ NZAP NET ZERO ของเอสซีจี ช่วยให้เห็นภาพใหญ่ระดับโกลบอล ว่าทั่วโลกมองเรื่อง NET ZERO และคาร์บอนอย่างไร รวมถึงได้เห็นว่าเพื่อน ๆ SMEs ทำอะไรอยู่ ซึ่งจากการเรียนรู้ได้พบว่าบางเรื่องที่ทำตอบโจทย์อยู่แล้ว เช่น โซลาร์เซล จึงนำมาต่อยอดเป็นเฟส 2 หรือเรื่องเปลี่ยนเศษไม้เป็นพลังงาน เพื่อเอาไอร้อนมาอบไม้ เป็นต้น นอกจากนี้ เริ่มเก็บข้อมูลคาร์บอนฟุตพรินท์ และจัดการเรื่องสิ่งแวดล้อม แม้จะต้องมีการลงทุน แต่มองว่าจะช่วยลดต้นทุนได้ในระยะยาว อีกทั้งสุดท้ายคือ ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า

“เราตอบลูกค้าได้อย่างภาคภูมิใจว่าได้ทำเรื่องของสิ่งแวดล้อม นั่นคือโอกาสทางธุรกิจที่แฝงอยู่ ซึ่งอาจได้ลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ ที่ให้ความใส่ใจเรื่องกรีน วันนี้โลกเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ถ้าไม่ลงมือ ก็จะตกขบวนรถไฟ การเปลี่ยนผ่านเป็นไปได้ เราต้องเริ่มต้นด้วยความเข้าใจ จากนั้นลงมือทำ และที่สำคัญมีเพื่อนร่วมทางที่ดี เพราะทุกการเปลี่ยนผ่านต้องมีเครือข่าย ทำคนเดียวไม่ได้ ซึ่งการเปลี่ยนสู่สังคมคาร์บอนต่ำมีทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และเครือข่ายมาร่วมกันขับเคลื่อน” คุณทิพวรรณ์ กล่าว

รวมพลังขับเคลื่อน ผ่านการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้

ด้านดร.ชนะ ภูมี ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่-การบริหารความยั่งยืน เอสซีจี กล่าวสรุปว่า “เอสซีจีมอง SMEs เป็นเพื่อนร่วมทางที่จะพัฒนาประเทศ โดยจัดทำ 2 โครงการคือ โครงการ Go Together เติบโตด้วยกัน สู่โลกยั่งยืน เปิดให้ผู้ประกอบการเข้าไปดูตัวอย่างของเอสซีจีในแต่ละภูมิภาค และหลักสูตร NZAP 2026 ดึงทั้งภาครัฐและเอกชน หรือแม้กระทั่งแบงก์มาร่วมกัน ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนและเคลื่อนย้ายองค์ความรู้ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมาก เราเชื่อมั่นในศักยภาพของ SMEs ที่อยู่ในอุตสาหกรรมไทย ว่าจะสามารถเปลี่ยนผ่านเป็นเครื่องจักรสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย และเป็นโอกาสให้นักลงทุนที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศเรา”

ดร.ชนะ ภูมี ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่-การบริหารความยั่งยืน เอสซีจี

เอสซีจียังคงมุ่งมั่นร่วมผลักดันให้ SMEs ของไทย ก้าวสู่ความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งการเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำ เป็นทั้งโอกาสและความท้าทายในการดำเนินธุรกิจยุคปัจจุบัน อีกทั้งไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป ด้วยพลังความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ในการสนับสนุนครบวงจร ทั้งการให้ความรู้, เงินทุน และแพลตฟอร์มที่ช่วยให้ปรับตัวได้จริงในทางปฏิบัติ รวมถึงพันธมิตรเครือข่าย

 

Published on: Sep 16, 2025

(Visited 9 times, 10 visits today)