SCGP เตรียมงบลงทุน 13,000 ล้านบาท ขยายการลงทุน และปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องจักร เพิ่มการเติบโตในบรรจุภัณฑ์ ที่เชื่อมโยงกับผู้บริโภค โดยเน้นการขายที่ตลาดในประเทศกลุ่มอาเซียน ซึ่งมีความต้องการบรรจุภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น สอดคล้องการเติบโตของเศรษฐกิจ พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจบรรจุภัณฑ์อาหาร และวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ ที่มีศักยภาพสูงเพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP เปิดเผยข้อมูลธุรกิจ ของบริษัทผ่าน SET Opportunity Day ซึ่งจัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2568 ว่า ในปีนี้บริษัทฯ เตรียมงบลงทุน 13,000 ล้านบาท แบ่งเป็นงบลงทุนการควบรวมกิจการ และร่วมมือกับพันธมิตร (Merger & Partnership : M&P) และขยายกำลังผลิต 8,000-10,000 ล้านบาท โดยจะพิจารณาและมุ่งเน้นการลงทุนไปที่การขยายธุรกิจที่เชื่อมโยง กับผู้บริโภคและการเติบโตในภูมิภาคอาเซียน ควบคู่ไปกับเพิ่มการผสาน ความร่วมมือระหว่างธุรกิจ (Chain Integration) และการเข้าถึงตลาดที่มีการเติบโตใหม่ ๆ โดยคาดว่าจะมี M&P 1-2 ดีลในปีนี้ และได้ตั้งงบประมาณสำหรับ การเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องจักร พัฒนาเทคโนโลยี นวัตกรรม และ ESG อีก 3,000-5,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ SCGP มุ่งดำเนินกลยุทธ์การเพิ่มความสามารถทำกำไร ด้วยการสร้างการเติบโตบรรจุภัณฑ์ ที่เชื่อมโยงกับผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง และเน้นการขายภายในประเทศต่าง ๆ ของภูมิภาคอาเซียน ได้แก่ ไทย เวียดนาม อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ที่ความต้องการบรรจุภัณฑ์มีการเติบโตที่ดีต่อเนื่อง (ASEAN Domestic Growth) ตามการเติบโตของเศรษฐกิจและการขยายตัวของการค้าระหว่างประเทศ โดยปีที่ผ่านมา GDP ของอาเซียนเติบโตมากกว่าร้อยละ 5 และปริมาณการขายสินค้าของ SCGP โดยเฉพาะกระดาษบรรจุภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์กระดาษและพอลิเมอร์ ภายในประเทศในอาเซียนเพิ่มขึ้น กว่าร้อยละ 10 นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมุ่งลงทุนธุรกิจในตลาดที่มีศักยภาพเติบโตสูง อย่างบรรจุภัณฑ์อาหารและธุรกิจวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ โดยหลังจาก SCGP เข้าลงทุนในบริษัทวีอีเอ็ม ไทยแลนด์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนสมรรถนะสูง จากการฉีดขึ้นรูปพอลิเมอร์ บริษัทฯ ได้นำเอาความเชี่ยวชาญด้านการผลิตบรรจุภัณฑ์พอลิเมอร์มาพัฒนาและต่อยอด ในกระบวนการผลิต ทำให้สามารถผลิตวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์คุณภาพสูง ได้หลากหลายกลุ่มสินค้า และสอดคล้องกับความต้องการ ของลูกค้าได้มากขึ้น เช่น ถ้วยเก็บตัวอย่างของเหลว ปิเปตต์ทิป

บริษัทฯ ได้เน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและห่วงโซ่อุปทาน โดยนำเทคโนโลยี ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ Data Analytic มาใช้เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารพลังงานในกระบวนการผลิต และวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ ให้ความสำคัญกับการพัฒนานวัตกรรมและโซลูชันผ่านการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและออกแบบบรรจุภัณฑ์เพื่อสร้างความแตกต่าง สร้างประสบการณ์ที่ดีแก่ลูกค้า และเพิ่มศักยภาพทำกำไร โดยวางเป้าหมายรายได้จากกลุ่มสินค้านวัตกรรมและโซลูชันที่ร้อยละ 37 ของรายได้รวม อีกทั้งยังคงขับเคลื่อน ESG ตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน การเพิ่มผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์ และเพิ่มสัดส่วนการใช้เชื้อเพลิงทางเลือกเป็นร้อยละ 39 ของการใช้เชื้อเพลิงทั้งหมดในปีนี้
Published on: Mar 4, 2025