มูลนิธิเอสซีจี ส่งมอบนวัตกรรมห้องคัดกรองและตรวจผู้ที่มีความเสี่ยงที่ใช้เวลาติดตั้งหน้างานเพียง 2 วัน ให้โรงพยาบาลราชวิถีเป็นแห่งแรก พร้อมระบบที่ตอบโจทย์การใช้งานและความปลอดภัย ทั้งการแยกพื้นที่ทีมแพทย์และคนไข้ออกจากกัน มีระบบควบคุมแรงดันและคุณภาพอากาศที่เหมาะสม จึงช่วยลดโอกาสติดเชื้อของบุคลากรทางการแพทย์ และผู้เข้ารับการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี
นพ.สมเกียรติ ลลิตวงศา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชวิถี กล่าวว่า “แม้จะผ่านมากว่า 3 เดือน หลังจากมีผู้ป่วยเข้ามารับการรักษาเป็นครั้งแรก ปัจจุบันยังคงมีผู้ป่วยใหม่หรือกลุ่มผู้ที่มีความเสี่ยงที่มารับการตรวจในคลินิกโรคระบบทางเดินหายใจ (ARI Clinic) ของโรงพยาบาล จำนวนมากพอสมควร โรงพยาบาลจึงมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิเอสซีจี ในการสร้างห้องตรวจที่มีประสิทธิภาพแห่งนี้ ซึ่งสามารถรองรับจำนวนผู้ที่เข้ามาตรวจคัดกรองได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ห้องคัดกรองและตรวจผู้ที่มีความเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 ได้ถูกแยกออกจากตัวอาคารโรงพยาบาล จึงช่วยป้องกันการติดเชื้อให้กับทีมแพทย์ พยาบาล ตลอดจนบุคลากรทางการแพทย์ ทั้งยังสร้างความปลอดภัยกับผู้ป่วยอื่น ๆ ได้อีกทางหนึ่งด้วย”
ด้าน นายนิธิ ภัทรโชค กรรมการมูลนิธิเอสซีจี และกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เอสซีจี เปิดเผยว่า “ด้วยความห่วงใยในการทำงานของทีมแพทย์ พยาบาล ตลอดจนบุคลากรที่ทำงานในโรงพยาบาล ซึ่งเป็นด่านหน้าในการต่อสู้และยับยั้งเชื้อไวรัสโควิด-19 นี้ เอสซีจี จึงได้เร่ง ออกแบบประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมของ SCG HEIM และ Living Solution พัฒนามาเป็นห้องคัดกรองและตรวจผู้เสี่ยงติดโควิด-19 โดยใช้เวลาติดตั้งเพียง 2 วัน เพื่อส่งมอบให้ทีมแพทย์และพยาบาล โรงพยาบาลราชวิถี ให้สามารถรับมือสถานการณ์การแพร่ระบาดที่มีจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นได้อย่างทันท่วงที และช่วยลดโอกาสในการติดเชื้อของบุคลากรทางการแพทย์และผู้เข้ารับการตรวจที่โรงพยาบาล”
ขณะที่ นายวชิระชัย คูนำวัฒนา Head of Living Solution Business ในธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เอสซีจี กล่าวเสริมว่า “หลังจากที่ทีมงานได้ศึกษาความต้องการและสังเกตการทำงานของทีมแพทย์ พยาบาล ที่โรงพยาบาล ทำให้สามารถพัฒนาห้องคัดกรองและตรวจผู้ที่มีความเสี่ยง ที่ช่วยแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด กล่าวคือ นอกจากโครงสร้างกว่าร้อยละ 70-80 จะถูกประกอบขึ้นรูปภายในโรงงาน ที่มีการควบคุมคุณภาพและความสะอาดตลอดกระบวนการผลิตแล้ว ภายในห้องยังถูกออกแบบให้มีระบบและความดันที่เหมาะสม โดยทีมแพทย์จะอยู่ในห้องที่ไม่มีอากาศเสียจากภายนอกเข้าไป อากาศภายในจึงบริสุทธิ์ปลอดภัย ส่วนผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงติดเชื้อจะอยู่ในห้องที่ป้องกันไม่ให้มีอากาศฟุ้งกระจายออกไปภายนอก เพื่อสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยให้แก่ทีมแพทย์
ได้แก่ ระบบควบคุมแรงดัน และการหมุนเวียนของอากาศ ที่สะอาด ปลอดภัย ลดโอกาสติดเชื้อ และ ระบบการป้องกันอากาศรั่วไหล (Air tightness) ที่ช่วยป้องกันฝุ่น เสียง และอากาศ เข้า-ออกตัวอาคาร
โดย ห้องคัดกรอง (Modular Screening Unit) จะถูกปรับความดันอากาศให้ผลักอากาศเสียออก และเพิ่ม Bio-polar Ion เพื่อจับเข้ากับโมเลกุลของเชื้อไวรัสที่อาจหลุดรอด ซึ่งทีมแพทย์ พยาบาล จะอยู่ในห้องปิดสนิท และซักประวัติผู้ป่วยผ่านกระจกที่มีอุปกรณ์สื่อสาร ส่วน ห้องตรวจหาเชื้อ (Modular Swab Unit) จะแยกคนไข้มาอยู่ในห้องปรับความดันอากาศ เพื่อป้องกันเชื้อไวรัสฟุ้งกระจาย โดยการเก็บตัวอย่าง (Swab) จะทำผ่านแผ่นอะคริลิกที่เจาะเป็นช่อง เพื่อให้แพทย์สามารถสอดมือผ่านช่องที่มีถุงมือติดไว้ในการเก็บตัวอย่างได้ ซึ่งนอกจากจะมีการใช้แสงยูวีเข้มข้นสูงในการฆ่าเชื้อโรคต่าง ๆ (UV Germicide) ที่ถุงมือและภายในห้องหลังการใช้งานทุกครั้งแล้ว ยังมีถุงมือพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งที่เปลี่ยนสำหรับคนไข้แต่ละคน ครอบด้านนอกอีกครั้ง เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อให้ทั้งแพทย์และคนไข้ ทั้งนี้ ห้องปฏิบัติการทั้งหมดจะถูกแยกเป็นส่วนย่อย ๆ (Cell) เพื่อแยกปิดได้ในกรณีฉุกเฉินที่เกิดการรั่วระหว่างห้องบุคลากรทางการแพทย์กับห้องผู้เข้ารับการตรวจอีกด้วย”
นอกจากนี้ มูลนิธิเอสซีจี ยังส่งมอบห้องน้ำสำเร็จรูป (Modular Bathroom) ให้โรงพยาบาลราชวิถีจำนวน 12 ห้อง โดยโครงสร้างผลิตจากคอนกรีตเบาแบบเบ็ดเสร็จพร้อมใช้งานจากโรงงาน ทำความสะอาดฆ่าเชื้อง่ายจึงช่วยสร้างสุขอนามัยที่ดี โดยจัดวางแยกพื้นที่สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ และผู้ป่วยที่เข้ารับการตรวจคัดกรองอีกด้วย
Modular Screening & Swab Unit และ Modular Bathroom นี้จึงถือเป็นหนึ่งในนวัตกรรมที่ได้รับการพัฒนาและต่อยอดด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจของทีมงาน เพื่อช่วยสนับสนุนให้การทำงานของทีมแพทย์ พยาบาล สามารถต่อสู้กับเชื้อร้ายโควิด-19 ได้อย่างปลอดภัย ราบรื่น และรวดเร็วยิ่งขึ้น