SCG เปิดบ้านนวัตกรรมงาน ASA 2025: ส่องเทรนด์อยู่อาศัยแห่งอนาคตปลอดภัยคุ้มค่ายั่งยืน

ในยุคที่ความท้าทายด้านเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิต การตัดสินใจเลือกวัสดุและเทคโนโลยี สำหรับบ้านจึงมีความสำคัญยิ่งกว่าเดิม เอสซีจี (SCG) ในฐานะผู้นำด้านโซลูชันเพื่อการอยู่อาศัย ได้นำเสนอทิศทางใหม่ที่น่าจับตามองภายใต้แนวคิด “Seamless Quality Living” ซึ่งไม่ใช่เพียงการจัดแสดงผลิตภัณฑ์ แต่เป็นการเปิดมุมมองให้เห็นถึงความเป็นไปได้ ในการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน ผ่านนวัตกรรมที่เน้นความ มั่นใจ ปลอดภัย คุ้มค่า สะดวกสบาย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยหัวใจสำคัญคือการทำให้เทคโนโลยีเหล่านี้ “เอื้อมถึงได้” ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลาย ทั้งในแง่ไลฟ์สไตล์และงบประมาณ ของผู้บริโภคยุคปัจจุบัน

เทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืนที่จับต้องได้พลังงานสะอาดและวัสดุรักษ์โลกใกล้ตัวคุณ

ประเด็นด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป SCG นำเสนอทางออกที่น่าสนใจ และเข้าถึงได้จริง เริ่มต้นด้วย SCG Solar Roof Solutions จาก ONNEX by SCG ที่ทำให้การติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์ ไม่ใช่เรื่องของคนมีฐานะเท่านั้น ด้วยแพ็กเกจ Super Saving ที่เริ่มต้นเพียง 91,000 บาท สำหรับระบบ 2.4 กิโลวัตต์ เปิดโอกาสให้ครัวเรือนทั่วไปสามารถเข้าถึง พลังงานสะอาดเพื่อลดภาระค่าไฟฟ้าได้ง่ายขึ้น โดยยังคงมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด ด้วยเทคโนโลยีการติดตั้งเฉพาะของ SCG ที่เข้าใจโครงสร้างหลังคาอย่างลึกซึ้ง เช่น Solar Fix ระบบติดตั้งจากโรงงานที่ยึดติดกับโครงสร้างหลังคาโดยตรง ทนทานต่อแรงลมได้ถึง 120 กม./ชม., Solar Hook อุปกรณ์ยึดสแตนเลสบางพิเศษเพียง 3 มม. ที่ออกแบบมาไม่ให้เกิดการรั่วซึม, และ Arc Block อุปกรณ์เซรามิกทนความร้อนสูงกว่า 1,000 องศาเซลเซียส ช่วยป้องกันความเสี่ยงจากไฟฟ้าอาร์ค พร้อมระบบติดตามการทำงาน ผ่านแอปพลิเคชันและการรับประกันยาวนาน สร้างความมั่นใจและความคุ้มค่าในระยะยาว

ในด้านวัสดุ SCG แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่น ในการลดผลกระทบ ต่อสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรม ฉนวนกันความร้อน SCG Stay Cool ผลิตจากขวดแก้วรีไซเคิล 100% เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการเปลี่ยนขยะ ให้มีคุณค่าช่วยลดความร้อน เข้าสู่ตัวบ้าน ลดภาระการทำงานของเครื่องปรับอากาศ ส่งผลให้ประหยัดพลังงานและลดค่าใช้จ่าย ในครัวเรือนได้จริง ตลอด 15 ปีที่ผ่านมา SCG ใช้ขวดแก้วไปแล้วกว่า 420 ล้านขวด ช่วยลดขยะและประหยัดพลังงาน จากการใช้เครื่องปรับอากาศได้มหาศาล เทียบเท่าการลดการปล่อย CO2​ ถึง 420 ล้านกิโลกรัม หรือปลูกต้นไม้ 29 ล้านต้น

Decaar by SCG

ขณะที่ Decaar by SCG สร้างปรากฏการณ์ใหม่ด้วยแนวคิด “Turn Waste to Value” เปลี่ยนวัสดุเหลือใช้จากอุตสาหกรรมต่าง ๆ ให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ตกแต่งที่มีเอกลักษณ์ และฟังก์ชันเหนือกว่า ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำ (Ecosystem) เช่น Comfort Tile กระเบื้องปูพื้น “เย็น” ที่มีส่วนผสมของเปลือกไข่เหลือทิ้งจากฟาร์มของ CPF (ซึ่งปกติจะนำไปทำปุ๋ยหรือฝังกลบ) มาเป็นส่วนผสมสำคัญ (ประมาณ 10%) ในการผลิต Comfort Tile ช่วยสะท้อนและคลายความร้อน ได้เร็วกว่ากระเบื้องทั่วไปถึง 5 องศาเซลเซียส เหมาะอย่างยิ่งกับสภาพอากาศร้อนของประเทศไทย

Comfort Tile คือตัวอย่างที่ชัดเจน ของการผสานความยั่งยืน เข้ากับฟังก์ชันที่เหนือกว่า โดยเปลือกไข่ที่ผสมในชั้นผิวหน้า และสูตรเนื้อกระเบื้องที่พัฒนาขึ้น ช่วยให้กระเบื้องมีคุณสมบัติสะท้อนความร้อนได้ดี และสามารถคลายความร้อนที่สะสมอยู่ออกไปได้อย่างรวดเร็ว (เทคโนโลยี Heat Sink) ทำให้อุณหภูมิผิวต่างจากกระเบื้องทั่วไปประมาณ 5 องศาเซลเซียส พื้นผิวจึงเย็นสบาย ลดไอความร้อนสะสม เหมาะสำหรับพื้นที่ภายนอก ที่ต้องการความแข็งแรง ทนทาน รับน้ำหนักรถยนต์ได้

ทั้งนี้ ยังมีการนำกากกาแฟและถุงฟอยล์จาก Cafe Amazon มาทำเป็นผนัง Modina Coffee และพื้น Celina Brink รวมถึงการนำเศษกระเบื้องจากหน้างานก่อสร้างของแสนสิริ กลับมาผลิตเป็น Ventola Glimmer ที่สำคัญผลิตภัณฑ์ Decaar by SCG ส่วนใหญ่มีการประกาศค่า Embodied Carbon หรือคาร์บอนแฝงในตัวผลิตภัณฑ์ ช่วยให้ผู้บริโภคมีข้อมูลในการตัดสินใจ เลือกใช้วัสดุที่ส่งผลกระทบ ต่อสิ่งแวดล้อมน้อยลงอย่างโปร่งใส

นอกจากนี้ SCG ยังคงให้ความสำคัญกับวัสดุพื้นฐาน ที่ปลอดภัยและยั่งยืน เช่น หลังคา SCG ที่ปลอดแร่ใยหิน (Asbestos-Free) ทุกรุ่น รวมถึงรุ่นยอดนิยมอย่างลอนคู่ สร้างความมั่นใจด้านสุขภาพ ลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งปอด และเป็นรายแรกที่ได้รับฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ จากการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ใช้พลังงานสะอาด และวัตถุดิบคาร์บอนต่ำ ไม้สังเคราะห์ SCG ก็ใช้ส่วนผสมจากวัสดุรีไซเคิลถึง 15% และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการผลิต การเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเหล่านี้ ถือเป็นก้าวแรกสู่การสร้างอาคารที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง

ยกระดับคุณภาพชีวิตอากาศสะอาดความสะดวกสบายและสุนทรียภาพในบ้าน

นอกเหนือจากความยั่งยืน SCG ยังให้ความสำคัญกับการสร้างสภาวะ น่าสบายและสุขภาพที่ดีภายในบ้าน ระบบ SCG Active Air Quality (AAQ) จาก ONNEX by SCG เป็นนวัตกรรมที่เหนือกว่าเครื่องฟอกอากาศทั่วไป เพราะทำหน้าที่ “เติม” อากาศบริสุทธิ์จากภายนอกเข้ามาหมุนเวียนภายในบ้าน พร้อมระบบกรองประสิทธิภาพสูงถึง 6 ชั้น สามารถดักจับฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 เชื้อโรค แบคทีเรีย ไวรัส รวมถึงไวรัสกลุ่มโคโรนา (กำจัดเชื้อ SARs-COV-2 สาเหตุของ COVID-19 ได้ 99% ภายใน 5 นาที) และช่วยลดการสะสมของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2 ) ที่ทำให้รู้สึกอึดอัด ไม่สดชื่น ระบบนี้ยังสร้างสภาวะแรงดันบวก (Positive Pressure) ช่วยป้องกันมลพิษจากภายนอก ไม่ให้แทรกซึมเข้ามาทางรอยรั่วต่าง ๆ ของบ้าน สำหรับรุ่น XA 150i และ Outdoor Special ERV series ยังมาพร้อมเทคโนโลยี Energy Recovery Ventilator (ERV) ที่ช่วยแลกเปลี่ยนความร้อน ทำให้อากาศใหม่ที่เติมเข้ามามีอุณหภูมิลดลง ช่วยประหยัดพลังงาน จากเครื่องปรับอากาศได้ถึง 82% เหมาะสำหรับห้องที่เปิดแอร์เป็นประจำ

ONNEX by SCG

นอกจากนี้ ยังมี ระบบ SCG Active Airflow ที่ช่วยระบายความร้อนและความชื้นสะสมใต้โถงหลังคา ทำให้บ้านเย็นสบายขึ้น 2-5 องศาเซลเซียส และลดความรู้สึกเหนียวตัว

ในด้านสุนทรียภาพ COTTO นำเสนอแนวคิด “Reimagine Living Refinement” ผ่านผลิตภัณฑ์ที่ผสานดีไซน์และนวัตกรรมอย่างลงตัว COTTO The Surface ขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ให้ครอบคลุมทุกพื้นผิวในบ้าน ไม่ว่าจะเป็น Integrated Sink อ่างล้างหน้าที่ผสานเป็นเนื้อเดียวกับเคาน์เตอร์, Clay Decor วัสดุตกแต่งจากดินเหนียวรักษ์โลก ที่ผลิตด้วยการอบแทนการเผา ทำให้ได้แผ่นบางเบาและสามารถดัดโค้งได้ ตอบโจทย์งานดีไซน์ที่หลากหลาย, Stone Decor หินธรรมชาติแท้ที่บางเบาและดัดโค้งได้เช่นกัน และ LT by COTTO กระเบื้องยาง LVT คุณภาพสูง Made in Thailand ที่ได้รับความนิยมอย่างสูง

ส่วน COTTO Bathroom สร้างนิยามใหม่ของความหรูหราและผ่อนคลาย ไฮไลท์อยู่ที่ Quil Collection ที่ได้แรงบันดาลใจจากความอ่อนช้อยของ “ใบตอง” ผสานความงามแบบตะวันออกและตะวันตก เข้ากับเทคโนโลยีการผลิตเนื้อเซรามิกชนิดพิเศษ Crystalline ทำให้ได้อ่างล้างหน้า Quinta Basin ที่มีขอบบางเฉียบเพียง 4 มิลลิเมตร และน้ำหนักเบาลง 20% แต่ยังคงความแข็งแรง ซึ่งเป็นผลจากเทคโนโลยีการผลิต เนื้อเซรามิกชนิดพิเศษ Crystalline ที่มีความแข็งแกร่งสูง คอลเลคชันนี้ยังมาพร้อมสุขภัณฑ์ ผิวแมตต์แต่ภายในเคลือบสาร Ultra Clean เพื่อความสะอาด, ก๊อกน้ำดีไซน์ประณีตสะท้อนแสงเป็นเส้นตรง และอุปกรณ์เข้าชุดครบครัน การันตีด้วยรางวัลออกแบบระดับสากลมากมาย นอกจากนี้ยังมี Florwell Protech วัสดุปิดผิวที่ช่วยดูดซับกลิ่นและความชื้น สร้างสุขภาวะที่ดีในการอยู่อาศัย

มั่นใจทุกโครงสร้างเทคโนโลยีซ่อมแซมยืดอายุอาคารจากผู้เชี่ยวชาญที่เข้าถึงได้

ความปลอดภัยของโครงสร้างอาคารคือพื้นฐานสำคัญของการอยู่อาศัย SHO-BOND & MIT Infrastructure Maintenance Corporation หรือ SB&M บริษัทร่วมทุนระหว่าง SCG และผู้เชี่ยวชาญด้านการซ่อมบำรุงโครงสร้างจากประเทศญี่ปุ่นอย่าง SHO-BOND Holdings และ Mitsui ดำเนินธุรกิจให้บริการและให้คำปรึกษาเกี่ยวกับเทคโนโลยีในการซ่อมแซมงานโครงสร้างขนาดใหญ่ นำเสนอเทคโนโลยีซ่อมแซม และบำรุงรักษาโครงสร้างขั้นสูง ทำให้การดูแลอาคารเก่าหรือโครงสร้างที่เริ่มมีปัญหา เป็นเรื่องที่เข้าถึงได้และมีประสิทธิภาพมากขึ้น

นวัตกรรมเหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาโครงสร้างอย่างตรงจุด เช่น Hybrid Sheet แผ่นวัสดุพิเศษที่ใช้แรปป้องกันคอนกรีตร่วงหล่นจากสะพานหรือทางลอด เพิ่มความปลอดภัยในพื้นที่สาธารณะ, SPQ Mortar ปูนซ่อมชนิดพิเศษที่ไม่ใช่ซีเมนต์ สามารถเซ็ตตัวและเปิดใช้งานพื้นที่ได้ในเวลาเพียง 45 นาทีถึง 1 ชั่วโมง ลดผลกระทบต่อการใช้งาน, ระบบ BL Grout เทคโนโลยีการฉีดอัด Epoxy แรงดันต่ำจากญี่ปุ่น สำหรับซ่อมแซมรอยร้าวขนาดเล็กถึง 0.02 มิลลิเมตร และลึกกว่า 20 เซนติเมตร โดยไม่ทำลายคอนกรีต ฟื้นฟูความแข็งแรงเดิม และ New Span Guard (NSG) วัสดุเคลือบผิวคอนกรีตที่ซึมลึก ป้องกันความชื้นและสารเคมีได้ยาวนานกว่า 30 ปี พร้อมคุณสมบัติ Self-Cleaning ช่วยให้ผิวหน้าทำความสะอาดตัวเองได้ ลดคราบสกปรกและภาระการบำรุงรักษา

ที่สำคัญ CPAC SB&M ไม่เพียงขายผลิตภัณฑ์ แต่ให้บริการตรวจสอบ ให้คำปรึกษา และซ่อมแซมโดยทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ พร้อม แคมเปญตรวจสุขภาพอาคารเบื้องต้นฟรี (ถึง 31 พฤษภาคม สำหรับเจ้าของอาคาร) ช่วยให้เจ้าของบ้านและอาคาร สามารถประเมินความเสี่ยงและวางแผนบำรุงรักษาได้อย่างทันท่วงที ยืดอายุการใช้งานโครงสร้างอย่างคุ้มค่า

อนาคตการอยู่อาศัยที่ SCG ร่วมสร้างเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและยั่งยืน

การนำเสนอโซลูชันภายใต้แนวคิด “Seamless Quality Living” ของ SCG ในครั้งนี้ สะท้อนภาพที่ชัดเจน ของการเป็นผู้ให้บริการโซลูชันครบวงจร (Total Solution Provider) ที่เข้าใจความต้องการที่ซับซ้อนของผู้บริโภคยุคใหม่ SCG กำลังสร้างระบบนิเวศ ของการอยู่อาศัยที่ผสาน นวัตกรรม และความยั่งยืนเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงเทคโนโลยี และวัสดุที่ช่วยให้บ้านปลอดภัยขึ้น สะดวกสบายขึ้น ประหยัดพลังงานมากขึ้น และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยมีทางเลือกที่หลากหลาย เหมาะสมกับงบประมาณและความต้องการที่แตกต่างกัน

SCG ได้ผสาน นวัตกรรม และ ความยั่งยืน เข้าเป็นเนื้อเดียวกันในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์อย่างเป็นรูปธรรม ตั้งแต่วัสดุก่อสร้างพื้นฐานที่รักษ์โลกและปลอดภัย โซลูชันพลังงานและอากาศอัจฉริยะ ที่ช่วยประหยัดและเสริมสุขภาพ วัสดุตกแต่งจากทรัพยากรหมุนเวียน ที่สวยงามและเปี่ยมคุณค่า เทคโนโลยีซ่อมบำรุงโครงสร้างที่ยืดอายุการใช้งาน และสร้างความมั่นใจ ไปจนถึงสุขภัณฑ์และพื้นผิวดีไซน์ล้ำสมัยที่เติมเต็มการใช้ชีวิต ทั้งหมดนี้ล้วนมุ่งสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ปลอดภัยขึ้น สะดวกสบายขึ้น และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ตามแนวทาง ESG (Environment, Social, Governance)

ด้วยความมุ่งมั่นในการพัฒนา และการลงทุนในเทคโนโลยีสีเขียว การตั้งเป้าหมายที่ท้าทาย เช่น ยอดขายนวัตกรรมรักษ์โลก SCG Green Choice ร้อยละ 67 ภายในปี 2573 และเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2593 (2050) รวมถึงการสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรใน Ecosystem SCG พร้อมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมก่อสร้างและที่อยู่อาศัยของไทยสู่มาตรฐานใหม่ที่สูงขึ้น ตอกย้ำความเป็นผู้นำ ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล และสร้างสรรค์อนาคตที่ยั่งยืน สำหรับทุกคนอย่างแท้จริง

ที่มา The Story Thailand

(Visited 10 times, 10 visits today)