พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน “ห้องตรวจหาเชื้อ (Modular Swab Unit)” ให้ “สถาบันโรคทรวงอก กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข” เป็นแห่งที่ 4 ภายใต้ “โครงการเครื่องช่วยหายใจและเครื่องมือแพทย์พระราชทาน” เพื่อรับสถานการณ์การระบาดของเชื้อโควิด-19 โดยได้พระราชทานพระราชทรัพย์ให้เอสซีจีดำเนินการก่อสร้างให้ 20 โรงพยาบาลทั่วประเทศ ซึ่งห้องตรวจหาเชื้อดังกล่าว นอกจากจะช่วยลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อโควิด-19 ให้บุคลากรทางการแพทย์ในขณะปฏิบัติหน้าที่ ด้วยการแยกพื้นที่ระหว่างทีมแพทย์และคนไข้ออกจากกัน และใช้ระบบควบคุมแรงดันและคุณภาพอากาศที่เหมาะสม พร้อมกับมีระบบฆ่าเชื้อ ป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค โดยสามารถติดตั้งในพื้นที่จำกัดได้อย่างรวดเร็วภายใน 3 วัน แล้วยังสามารถต่อยอดสู่การเป็นสถานที่ตรวจหาเชื้อโรคระบบทางเดินหายใจอื่น ๆ ซึ่งสถาบันโรคทรวงอก เป็นศูนย์หลักในการตรวจรักษาต่อไปได้ ทั้งนี้ พิธีรับพระราชทานห้องตรวจหาเชื้อดังกล่าวมี นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ นายแพทย์เอนก กนกศิลป์ ผู้อำนวยการสถาบันโรคทรวงอก นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี คณะผู้บริหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของสถาบันโรคทรวงอก ร่วมพิธีฯ
นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงมีพระเมตตาต่อบุคลากรทางการแพทย์อย่างหาที่สุดมิได้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน “ห้องตรวจหาเชื้อ (Modular Swab Unit)” ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการเครื่องช่วยหายใจและเครื่องมือแพทย์พระราชทาน เพื่อรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 โดยพระราชทานพระราชทรัพย์ให้เอสซีจีดำเนินการก่อสร้างให้แก่โรงพยาบาลต่าง ๆ รวม 20 แห่งทั่วประเทศ รวมถึงโรงพยาบาลในกรมการแพทย์ ได้แก่ สถาบันโรคทรวงอก แห่งนี้
บุคลากรทางการแพทย์ของกรมการแพทย์ รู้สึกซาบซึ้งและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี อย่างหาที่สุดมิได้ และจะนำนวัตกรรมห้องตรวจหาเชื้อที่ได้รับพระราชทานในครั้งนี้ ไปใช้ในการดูแลรักษาผู้ป่วย ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ให้ได้รับการดูแลรักษาอย่างดีที่สุด เต็มกำลังความสามารถ และเพื่อเป็นเครื่องมือป้องกันให้กับบุคลากรทางการแพทย์ที่ทำงานเป็นแนวหน้า อีกทั้งเป็นกำลังหลักในการรักษาผู้ป่วยให้มีขวัญ มีกำลังใจ และมีความปลอดภัยในการปฏิบัติงานต่อไป”
ด้าน นายแพทย์เอนก กนกศิลป์ ผู้อำนวยการสถาบันโรคทรวงอก กรมการแพทย์ กล่าวว่า “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงมีพระเมตตาต่อสถาบันโรคทรวงอก กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน “ห้องตรวจหาเชื้อ (Modular Swab Unit)” ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการเครื่องช่วยหายใจและเครื่องมือแพทย์พระราชทาน โดยสถาบันโรคทรวงอกได้รับพระราชทานเป็นแห่งที่ 4 เพื่อใช้สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19
นวัตกรรมห้องตรวจหาเชื้อ (Modular Swab Unit) ที่ได้รับพระราชทานในครั้งนี้ จะช่วยลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อ ลดความสิ้นเปลืองในการใช้ PPE และเพิ่มความปลอดภัยให้กับบุคลากรทางการแพทย์ผู้ปฏิบัติงานได้เป็นอย่างดี เป็นการเพิ่มขวัญและกำลังใจต่อบุคลากรทางการแพทย์ และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนทั่วไป นอกจากนี้สถาบันโรคทรวงอกยังเป็นสถาบันฯ ที่ให้การดูแลผู้ป่วยวัณโรค วัณโรคดื้อยา และวัณโรคดื้อยาหลายขนาน ซึ่งเป็นโรคติดต่อที่รักษายาก โดยห้องตรวจหาเชื้อนี้ ก็จะเป็นประโยชน์ในการเก็บเสมหะผู้ป่วย เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อในบุคลากรสถาบันโรคทรวงอกต่อไป
บุคลากรทางการแพทย์ทุกคนของสถาบันโรคทรวงอก และประชาชนผู้มารับบริการ จึงรู้สึกปลื้มปีติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี อย่างหาที่สุดมิได้”
แพทย์หญิงเปี่ยมลาภ แสงสายัณห์ นายแพทย์เชี่ยวชาญ ด้านเวชกรรมสาขาอายุรกรรม สถาบันโรคทรวงอก กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ห้องตรวจหาเชื้อแรงดันลบนี้ มีประโยชน์ต่อการทำงานของบุคลากรมาก เพราะในภาวะปกติการตรวจหาเชื้อนั้น มีความเสี่ยงที่ผู้ป่วยจะไอจามใส่บุคลากรที่ทำการตรวจ ทำให้เกิดการแพร่กระจายเชื้อไปยังบุคลากร ซึ่งห้องตรวจหาเชื้อความดันลบนี้จะมีลักษณะรูปแบบการกั้นแบ่งระหว่างบุคลากรและผู้ป่วย โดยเฉพาะห้องผู้ป่วยมีความเป็นแรงดันลบ ทำให้โอกาสที่เชื้อจะออกนอกห้องน้อยลงและมีการฆ่าเชื้อในห้องด้วย UVC ปล่อยอากาศผ่านระบบการกรองที่ได้มาตรฐาน และห้องนี้ยังสามารถใช้ต่อยอดในการเก็บเสมหะผู้ป่วยโรคปอดที่เป็นปัญหาของประเทศ เช่น วัณโรคได้ พวกเราจึงรู้สึกปลื้มปีติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้”
ขณะที่ นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี และประธานกรรมการมูลนิธิเอสซีจี กล่าวว่า “เอสซีจี รู้สึกปลาบปลื้มเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ ให้มีส่วนร่วมในการผลิตนวัตกรรมห้องตรวจหาเชื้อ (Modular Swab Unit) เพื่อช่วยปกป้องทีมบุคลากรทางการแพทย์ขณะปฏิบัติหน้าที่ และช่วยปกป้องประชาชนจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยห้องตรวจหาเชื้อดังกล่าว พัฒนาจากเทคโนโลยีของ SCG HEIM และ Living Solution ซึ่งนอกจากจะตั้งใจออกแบบให้มีระบบควบคุมแรงดันและการหมุนเวียนของอากาศให้สะอาด ปลอดภัย มีระบบป้องกันอากาศรั่วไหลที่ทำให้ห้องปิดสนิท ป้องกันอากาศเข้า-ออกตัวอาคาร ทำให้ภายในอาคารสามารถควบคุมแรงดันอากาศได้เป็นอย่างดี จึงช่วยเพิ่มความมั่นใจในความปลอดภัยแก่บุคลากรทางการแพทย์ขณะปฏิบัติหน้าที่ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ให้กับผู้ป่วยหรือกลุ่มเสี่ยงได้มากขึ้นแล้ว ห้องตรวจหาเชื้อ ที่ติดตั้ง ณ สถาบันโรคทรวงอก ยังสามารถต่อยอดสู่การเป็นสถานที่ตรวจหาเชื้อโรคระบบทางเดินหายใจอื่น ๆ เช่น วัณโรค ซึ่งสถาบันโรคทรวงอก เป็นศูนย์หลักในการตรวจรักษาต่อไปได้ ซึ่งด้วยความร่วมมืออย่างดียิ่งของทางโรงพยาบาล ประกอบกับประสบการณ์และความชำนาญของทีมติดตั้ง จึงทำให้การดำเนินการต่าง ๆ สำเร็จลงภายในเวลาเพียง 3 วัน พร้อมที่จะให้บริการแก่บุคลากรทางการแพทย์และประชาชนได้ในทันที”
สำหรับนวัตกรรมห้องตรวจหาเชื้อ (Modular Swab Unit) นี้ พัฒนาจากเทคโนโลยีของ SCG HEIM และ Living Solution ภายในห้องตรวจผู้ที่มีความเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 ได้ออกแบบให้มีระบบ Smart Indoor Air Quality (IAQ Smart) ที่ช่วยควบคุมแรงดันและการหมุนเวียนของอากาศให้สะอาด ปลอดภัย และระบบการป้องกันอากาศรั่วไหล (Air Tightness) ที่ทำให้ห้องปิดสนิท ป้องกันอากาศเข้า-ออกตัวอาคาร ทำให้ในตัวอาคารสามารถควบคุมแรงดันอากาศได้เป็นอย่างดี โดยทีมแพทย์จะอยู่ในห้องความดันบวก ที่ไม่มีอากาศเสียจากภายนอกเข้าไป อากาศภายในจึงบริสุทธิ์ปลอดภัย ส่วนผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงติดเชื้อจะอยู่ในห้องความดันลบ และมีระบบดูดอากาศเสียออกไปกำจัดอย่างต่อเนื่อง จึงป้องกันไม่ให้มีอากาศฟุ้งกระจายออกไปภายนอก เพื่อสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยให้แก่ทีมแพทย์ ซึ่งการเก็บตัวอย่าง (Swab) จะทำผ่านแผ่นอะคริลิกที่เจาะเป็นช่อง โดยแพทย์สามารถสอดมือผ่านช่องที่มีถุงมือคลุมด้วยพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งเพื่อเก็บตัวอย่าง จึงลดความเสี่ยงในการปนเปื้อนจากผู้ที่เข้ารับการตรวจพร้อมใช้แสงยูวีเข้มข้นสูง ฆ่าเชื้อโรคต่าง ๆ (UV Germicide) หลังจากการใช้งานในห้องทุกครั้ง ทั้งนี้ โครงสร้างกว่าร้อยละ 80 ประกอบขึ้นรูปภายในโรงงานที่มีการควบคุมคุณภาพและความสะอาดตลอดกระบวนการผลิต และยังสามารถติดตั้งได้รวดเร็ว
ทั้งนี้ โรงพยาบาล 20 แห่งทั่วประเทศ ที่ได้รับพระราชทานนวัตกรรม “ห้องตรวจหาเชื้อ” พัฒนาโดย “เอสซีจี” ได้แก่ 1. รพ.ภูมิพลอดุลยเดช กรมแพทย์ทหารอากาศ 2. รพ.สมเด็จพระยุพราชสระแก้ว 3. รพ.กลาง 4. สถาบันโรคทรวงอก 5. สถาบันบำราศนราดูร 6. รพ.ตำรวจ 7. รพ.สมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา 8. รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ 9. รพ.นครปฐม 10. รพ.ราชบุรี 11. รพ.พุทธชินราช พิษณุโลก 12. รพ.พหลพลพยุหเสนา 13. รพ.อุตรดิตถ์ 14. รพ.สวรรค์ประชารักษ์ 15. รพ.นครพิงค์ 16. รพ.อุดรธานี 17. รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ 18. รพ.สุราษฎร์ธานี 19. รพ.สงขลานครินทร์ และ 20. รพ.หาดใหญ่